Kia ได้ประกาศแผนพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินพวงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ใหม่ความจุ 2.5 ลิตร ภายใต้รหัส 2.5T-GDI ภายในงาน CEO Investor Day 2025 โดยเครื่องยนต์ใหม่นี้จะถูกนำไปใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน หรือพ่วงกับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในรูปแบบ Hybrid และรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าแบบ Range Extender หรือ EREV ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต โดยถือเป็นแนวทางใหม่ของแบรนด์ที่ยังคงให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์สันดาปควบคู่กับแผนการขยายไลน์อัพรถ EV ควบคู่กันไป

เครื่องยนต์ 2.5T-GDI บล๊อคใหม่ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพความร้อนเพิ่มขึ้น 5% และมีพละกำลังเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน ซึ่งในรุ่นเดิมให้กำลังสูงสุด 281 แรงม้าใน Sorento และ 290 แรงม้าใน K5 GT คาดว่าเครื่องยนต์ใหม่นี้จะมีพละกำลังทะลุ 300 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่มากกว่า 421 นิวตัน-เมตร ซึ่งจะยกระดับสมรรถนะของรถที่ยังต้องพึ่งพาเครื่องยนต์สันดาปให้ตอบสนองได้ดีขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้เปิดตัวระบบส่งกำลังแบบใหม่ที่มีการเชื่อมต่อแบบ coaxial serial ระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ สำหรับขุมพลัง Hybrid ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนพลังงานจากมอเตอร์ไปยังเครื่องยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพด้านอัตราเร่งและความประหยัดน้ำมันให้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับรถ Hybrid ของ Kia ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ


รถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าแบบ Range Extender แบบ EREV เครื่องยนต์ใหม่นี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (range-extending generator) โดยไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อนโดยตรง ซึ่งแนวคิดนี้คล้ายกับเทคโนโลยี e-Power ของ Nissan Ramcharger ของ Ram และ REx ใน BMW i3 รวมไปถึงบรรดารถยนต์แบรนด์จีนรุ่นใหม่ๆจำนวนมากที่เริ่มมีทางเลือกขุมพลังแบบนี้มากยิ่งขึ้น โดยจะใช้เครื่องยนต์เบนซินในการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่ของรถ EV ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่กังวลเรื่องสถานีชาร์จหรือการเดินทางโดยไม่มีการวางแผน


ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวที่ Kia วางแผนไว้ภายในปี 2030 โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 4.19 ล้านคันต่อปี จากยอดขายปัจจุบันที่ 3.1 ล้านคันในปีที่ผ่านมา โดยจะมีรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนจำนวน 15 รุ่น และรถ Hybrid รวมไปถึง Plug-in hybrid อีก 10 รุ่น นอกจากนี้ยังมีการขยายกำลังการผลิตทั่วโลกขึ้นอีก 17% เพื่อให้สามารถรองรับการผลิตได้ถึง 4.25 ล้านคัน
Kia คาดการณ์ว่ายอดขายในปี 2030 จะประกอบด้วย EV จำนวน 1.26 ล้านคัน Hybrid/PHEV จำนวน 1.07 ล้านคัน และรถยนต์สันดาปล้วนอีก 1.86 ล้านคัน โดยรถกระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่พัฒนาสำหรับตลาดอเมริกาเหนือจะมีบทบาทสำคัญที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ 90,000 คันต่อปี ขณะที่รุ่น Tasman ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 80,000 คันต่อปี
ที่มา: Motor1