ขบวนรถใหม่ของงานมหกรรมยานยนต์ Shanghai International Automobile Industry Exhibition หรือ Shanghai Auto Show 2025 ยังคงหลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสาย และไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่แบรนด์จีนบ้านเกิดเท่านั้น ทางฝั่งแดนปลาดิบก็ไม่น้อยหน้า รีบเปิดตัวรถที่พร้อมจะทำตลาดในประเทศจีนกันอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะแบรนด์หรูอย่าง Lexus ที่ได้เปิดตัว All-New Lexus ES อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของโลก นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 ของรถซีดานหรูรุ่นสำคัญของค่าย และนับว่าเป็นการเปิดตัวที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะเจาะตลาดจีนอย่างแท้จริง

 

โดยตัวรถได้รับการปรับโฉมอย่างเต็มรูปแบบทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นด้านดีไซน์ เทคโนโลยี ระบบขับเคลื่อน และความหรูหราภายใน โดยถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Experience Elegance and Electrified Sedan” ที่ผสมผสานความหรูหรากับการปรับใช้ขุมพลังไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน TNGA GA-K ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นการปรับใช้งานออกแบบจากรถต้นแบบรุ่น LF-ZL concept

 

Lexus ES ใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบขุมพลังไฟฟ้ารุ่น LF-ZC (Lexus Future Zero-emission Catalyst) ซึ่งเคยเผยโฉมในงาน Japan Mobility Show 2023 โดยมุ่งเน้นเส้นสายแบบ “Next-Gen Spindle Body” แทนการใช้กระจังหน้า Spindle Grille แบบเดิม ซึ่งเป็นการปรับปรุงแนวทางการออกแบบสู่ยุคใหม่โดยยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์เวอร์ชั่นก่อนหน้าเอาไว้

 

ไฟหน้าแบบใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้รูปแบบ Twin L-Signature พร้อมระบบไฟหน้า BladeScan™ AHS ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้การใช้งานไฟสูงมีความแม่นยำ ปลอดภัย และไม่รบกวนผู้ใช้รถคนอื่น โดยระบบนี้ทำงานผ่านหลักการ สะท้อนลำแสง LED ไปยัง “กระจกใบมีด” (Blade-shaped mirror) ซึ่งหมุนด้วยความเร็วสูง ขณะที่ไฟท้ายแบบ LED ก็เลือกใช้ดีไซน์เดียวกัน ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับตัวรถที่บ่งบอกความเป็น Lexus ได้ยิ่งกว่าเดิม โดยเชื่อมต่อด้วยแถบไฟคาดยาวตลอดความกว้างของตัวรถที่ช่วยเสริมความหรูหรา ตัวรถยังถูกออกแบบให้มีมิติที่ใหญ่ขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะความยาวและระยะฐานล้อ เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางขึ้นอย่างชัดเจน

 

มาพร้อมแนวคิดการออกแบบภายใน “Clean Tech × Elegance” ซึ่งมุ่งเน้นบรรยากาศที่โปร่งโล่ง นั่งสบาย และหรูหราตามสไตล์ Lexus โดยยังคงแนวคิด Tazuna Cockpit ที่เน้นการควบคุมได้สะดวก ถูกหลัก Human Machine Interface โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนและไม่ใช่การควบคุมผ่านหน้าจอเท่านั้น แต่ยังคงไว้ซึ่งปุ่มกดที่ได้ออกแบบให้ซ่อนรูปและใช้แรงต้านการกดเสมือนกดปุ่มจริง Responsive Hidden Switches เป็นครั้งแรกของโลก ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางและพวงมาลัย มอบความทันสมัยได้มากกว่าปุ่มกดแบบดั้งเดิม ตอกย้ำความคลีนของตัวรถตามแบบฉบับแนวคิด Omotenashi ขณะที่ปุ่มกดแบบกดได้จริงโดยไม่ต้องละสายตาก็ยังติดตั้งบริเวณแผงประตูเช่นเดิม

 

ห้องโดยสารยังขยายความยาวขึ้นอีก 165 มิลลิเมตร และด้วยระยะฐานล้อที่ขยายขึ้นอีก 80 มิลลิเมตร จึงทำให้เบาะนั่งด้านหลังมีพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้นอีก รวมไปถึงมีการปรับตำแหน่งเบาะรองนั่งให้สูงขึ้นอีก เพื่อให้การเข้า-ออกตัวรถทำได้โดยง่าย มาพร้อมการออกแบบชิ้นส่วนแผงประตูให้บางลง เพื่อเพิ่มพื้นที่วางรอบๆห้องโดยสารไปอีกขั้น รวมไปถึงการมีโทนสีภายในทั้งหมดมากถึง 4 สี ได้แก่ สีเขียวใหม่ Aotake ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นไผ่ญี่ปุ่น รวมไปถึงสีขาวสว่างเพิ่มความหรูหรา สีดำและสีน้ำตาล

 

หน้าแสดงผลความบันเทิงขนาด 14.6 นิ้ว และออฟชั่นหน้าจอแสดงผลความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตามสมัยนิยม พร้อมหน้าจอ Head-Up Display และยังมีระบบ Sensory Concierge ที่ช่วยผสมผสานการทำงานของแสดงสว่างภายในห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียงจาก Mark Levinson น้ำหอมปรับอากาศ และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ โดดเด่นด้วยระบบเบาะนวดไฟฟ้าที่รองรับได้ทุกสรีระ และยังไม่รับรวมชิ้นรองน่องที่บริเวณเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง ปิดท้ายด้วยหลังคากระจกพาโนรามาแบบปรับแสงได้ (Electrochromic)

 

Lexus ES ใหม่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย รองรับทั้งความต้องการของตลาดที่ยังคงต้องการเครื่องยนต์สันดาปภายในและขุมพลังไฟฟ้าล้วน ซึ่งจะประกอบด้วย:

ES300h: ขุมพลัง Hybrid เจเนอเรชั่นใหม่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุดถึง 197 หรือ 201 แรงม้า (PS) พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 9.4 / 8.5 วินาที

ES350h: ขุมพลัง Hybrid เจเนอเรชั่นใหม่ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุดถึง 245 แรงม้า (PS) พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.0 วินาที

 

ES350e: ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบขับเคลื่อนล้อหน้า ให้พละกำลังสูงสุดถึง 224 แรงม้า (PS) โดยสามารถวิ่งได้ไกลสุดประมาณ 685 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.9 วินาที

ES500e: ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) พร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ DIRECT4 รุ่นไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุดถึง 343 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 559 นิวตัน-เมตร โดยสามารถวิ่งได้ไกลสุดประมาณ 610กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC รองรับการชาร์จเร็วแบบ DC สูงสุด 150 kW อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.9 วินาที

ระบบขับเคลื่อน DIRECT4 จะทำหน้าที่ควบคุมการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและหลังตลอดเวลา ช่วยเพิ่มความเสถียรและตอบสนองในการเข้าโค้งได้แม่นยำยิ่งขึ้น

 

เทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus Safety System+ รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่มประสิทธิภาพของเซนเซอร์ กล้อง และระบบเรดาร์ให้สามารถตรวจจับรถ คน และจักรยานในช่วงกลางวัน-กลางคืนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งฟีเจอร์ใหม่ เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติรุ่นใหม่ (Enhanced PCS) ระบบควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ Adaptive High-beam ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าผู้ขับขี่ผ่านกล้อง กล้องมุมมองรอบคัน 3 มิติ (3D Panoramic View Monitor)

 

All-New Lexus ES จะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดโลกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงกลางปี 2026 เป็นต้นไป โดยจะเปิดตัวในประเทศจีนเป็นแห่งแรก ก่อนขยายสู่ตลาดอื่นทั่วโลก

ที่มา: Lexus