Citroën เปิดตัว C5 Aircross ใหม่ ครอสโอเวอร์เจเนอเรชันที่ 2 ใหญ่กว่ารุ่นก่อน เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร และมาพร้อมทางเลือกขุมพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าครบทุกรูปแบบ มาพร้อมแนวทางการออกแบบใหม่ของค่ายจ่าโท เตรียมบุกตลาดครอสโอเวอร์ยุโรปอย่างจริงจัง
รถรุ่นใหม่นี้พัฒนาบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน STLA Medium ของ Stellantis (ใช้ร่วมกับ Peugeot 3008 และ Vauxhall Grandland รุ่นล่าสุด) และทำหน้าที่เป็นรุ่นเรือธงของไลน์อัพ Citroën ที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ต่อจากรุ่น Ami C3 และ C4 ที่เพิ่งได้รับการอัพเดทเช่นเดียวกัน
ตามที่นักออกแบบ Pierre Leclerq เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับสื่อยานยนต์สหราชอาณาจักรอย่าง Autocar ว่ารุ่นผลิตจริงของ C5 Aircross ใหม่นี้ยังคงความโดดเด่นจากรถต้นแบบที่เคยเปิดตัวในงาน Munich Motor Show ปี 2024 ที่ผ่านมา โดยรักษารูปทรงแบบกล่องสองชั้นที่เรียบง่าย แต่ปรับให้เน้นเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
ตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยยาวขึ้น 150 มิลลิเมตร (รวมเป็น 4,652 มิลลิเมตร) และฐานล้อยาวขึ้นอีก 60 มิลลิเมตร ซึ่ง Citroën ระบุว่าเกือบทั้งหมดถูกนำไปเพิ่มพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
พื้นที่ที่เพิ่มขึ้นภายในถูกออกแบบให้เป็นเหมือน “C-Zen Lounge” ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น ภายในมาพร้อมกับแผงคอนโซลหน้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเฟอร์นิเจอร์สุดหรู โดยมีการใช้โฟมบุผ้าแบบเดียวกับโซฟาชั้นดี พร้อมให้เลือกทั้งโทนสว่างและโทนเข้ม รวมไปถึงไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสามารถปรับได้ 8 สี
จุดเด่นภายในคือหน้าจอลอยตัวติดตั้งกลางแดชบอร์ด ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยติดตั้งในรถของเครือ Stellantis ด้วยขนาด 13 นิ้ว โดยจอสัมผัสนี้ทำหน้าที่แทนปุ่มควบคุมแบบเดิมเกือบทั้งหมด แต่ยังออกแบบให้ใช้งานง่ายขณะขับขี่ โดยเฉพาะ Widget ที่ตั้งโปรแกรมได้ ทำให้สามารถใช้งานระบบปรับอากาศได้โดยตรง

มีระบบเชื่อมต่อ Smartphone และหน้าจอมาตรวัดแสดงผลการขับขี่ขนาด 10 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง “Hello Citroën” ซึ่งทำงานร่วมกับ AI จาก ChatGPT ส่วน Head-up Display แบบใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมถึง 30% ก็มีให้เลือกเป็นออพชั่นเช่นเดียวกัน
เบาะนั่งออกแบบใหม่ Advanced Comfort ได้รับการอัพเกรดเพื่อมอบความสบายในระดับที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” ใน C5 Aircross ด้วยแผ่นรองเสริมพิเศษที่พนักพิงและส่วนรองไหล่แบบห่อหุ้มรอบตัว ขณะที่เบาะด้านข้างสามารถปรับไฟฟ้าได้
สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง Citroën ระบุว่ามีพื้นที่วางเข่าเพิ่มขึ้น 51 มิลลิเมตร และพื้นที่เหนือศีรษะเพิ่ม 68 มิลลิเมตร เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ระหว่าง 21 ถึง 33 องศา นอกจากนี้ยังมีที่วางแก้วและพอร์ต USB-C สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
พื้นที่เก็บสัมภาระก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีความจุถึง 651 ลิตร มากกว่า Nissan Qashqai ถึงเกือบ 150 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,668 ลิตร โดยที่ด้านใต้พื้นห้องเก็บของยังมีช่องเก็บของซ่อนอีกขนาด 75 ลิตร สำหรับเก็บสายชาร์จของรุ่น PHEV และ EV

ทางเลือกขุมพลังมีทั้งหมด 3 แบบ:
Mild Hybrid: เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กให้พละกำลังสูงสุด 28.5 แรงม้า (PS) ในโหมด Boost ระบบเกียร์แบบคลัทซ์คู่ eDCS 6 จังหวะ พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 0.9kWh แรงดันไฟฟ้า 48V ติดตั้งอยู่ใต้เบาะคนขับ
Plug-in hybrid: เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.6 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุด 125 แรงม้า (PS) ให้กำลังรวมเป็น 195 แรงม้า (PS) พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 21kWh ที่วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 85 กิโลเมตร
EV: มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุด กำลัง 213 หรือ 231 แรงม้า (PS) ขับเคลื่อนล้อหน้า
มีแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ขนาด คือ
- 73kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 520 กิโลเมตร สามารถชาร์จ DC ด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 160 kW
- 97kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 680 กิโลเมตร สามารถชาร์จ DC ด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 160 kW
ที่มา: AutocarUK
