Toyota ยุโรปเปิดตัว Corolla Cross GR Sport ที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่เฉพาะสำหรับตลาดยุโรป และเตรียมวางจำหน่ายในฐานะ Model Year 2025 เช่นเดียวกับรุ่นปกติ ชูจุดเด่นขุมพลัง Hybrid เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่วางจำหน่ายในตลาดยุโรปตั้งแต่ปี 2022

รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการปรับแต่งให้สอดรับกับรสนิยมของผู้ใช้ชาวยุโรปมากยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบรังผึ้ง (Honeycomb) ที่ให้ความรู้สึกทันสมัยและหรูหราควบคู่กัน พร้อมทั้งช่วยระบายอากาศเข้าสู่ห้องเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพ ติดตั้งไฟหน้าระบบ Adaptive High Beam System (AHS) เฉพาะรุ่น High grade ให้ทัศนวิสัยที่ชัดเจน พร้อมไฟ DRL ออกแบบใหม่

 

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่พร้อมครีบรีดอากาศ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและการควบคุมรถผ่านการปรับปรุงสมรรถนะอากาศพลศาสตร์ ส่วนโลโก้ Corolla Cross แบบนูนด้านหลังช่วยเน้นเอกลักษณ์อันโดดเด่น

 

รุ่น GR Sport กระจังหน้าเฉพาะรุ่น และโลโก้ Toyota สีดำเงาให้ความรู้สึกทรงพลัง ภายนอกมีสีตัวถังแบบสองโทนพิเศษ “Storm Grey” ขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ลายเฉพาะรุ่นสำหรับ GR Sport ก็ช่วยทำให้ตัวรถมีความโดดเด่นไปอีกขั้น

 

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ทันสมัย และอัปเกรดเพื่อความสะดวกสบาย มาพร้อมหัวเกียร์ดีไซน์ใหม่ คอนโซลกลางขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานด้วยช่องสำหรับวางมือถือ กล่องเก็บของแบบเลื่อนได้ และที่วางแก้วดีไซน์ใหม่ ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สายแบบใหม่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมอัปเกรดความเร็วในการชาร์จโทรศัพท์ระบบ Android เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า ให้เทียบเท่ากับ Apple

 

ระบบมัลติมีเดีย Toyota Smart Connect พร้อมหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.5 นิ้ว และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ Full digital เต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ระบบไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Lighting) แบบใหม่ พวงมาลัยและเบาะนั่งแบบปรับอุ่นได้ ติดตั้งมาให้ในรุ่น High

ภายในสำหรับรุ่น GR Sport ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์เกรดพรีเมี่ยม BRIN・NAUB® พร้อมโลโก้ GR และเดินด้ายตะเข็บสีแดง ระบบกันสะเทือนถูกปรับจูนใหม่และลดระดับความสูงลง 10 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มความเฉียบคมในการควบคุม พวงมาลัยและชุด Paddle Shift ถูกปรับปรุงให้ตอบสนองได้ดีขึ้น
ระบบ Toyota T-Mate เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น รวมเทคโนโลยี Toyota Safety Sense เจเนอเรชันที่ 3 เข้ากับระบบช่วยขับขี่และจอดรถขั้นสูง พร้อมรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA

 

นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นความเงียบภายในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุง 3 จุดหลัก ดังนี้

  • ใช้วัสดุซับแรงสะเทือนคุณภาพสูงบริเวณหลังคาเพื่อลดเสียงฝนและเสียงจากถนน
  • เพิ่มวัสดุบริเวณช่องลมด้านหลังเพื่อลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ในรุ่น High มีฉนวนกันเสียง 3 ชั้นที่แผงหน้าปัดด้านในเพื่อลดเสียงจากเครื่องยนต์

 

ขุมพลังไฮบริด 2 ระดับความแรง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD-i ขณะที่โหมด Sport พิเศษเฉพาะ GR SPORT เพิ่มรอบเดินเบาเพื่อการเร่งที่ตอบสนองรวดเร็ว และเพิ่มแรงหน่วงเมื่อถอนคันเร่งเพื่ออารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันโหมด Snow Extra ก็ยังคงมีให้ใช้งานในรุ่น GR SPORT

– Hybrid 140

เครื่องยนต์2ZR-FXE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 94 แรงม้า รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 140 แรงม้า (HP) พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า

 

– Hybrid 200

เครื่องยนต์ M20A-FXS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection (D-4S) กำลังสูงสุด 152 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 112 แรงม้า รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 198 แรงม้า (HP) พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ E-FOUR

 

Corolla Cross รุ่นใหม่ เริ่มวางจำหน่ายในยุโรป ช่วงฤดูร้อนปี 2025 ขณะที่รุ่น GR SPORT จะเริ่มจำหน่าย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน

ที่มา: Toyota