Kia อินเดียเปิดตัวรุ่นพรีเมี่ยมของรถมินิแวน 3 แถว เพื่อเอาใจตลาดรถครอบครัวที่มองหาความหรูหราขั้นกว่า ให้มีหน้าตาเหมือนรถ SUV ขุมพลังไฟฟ้าล้วนพี่น้องร่วมค่ายอย่างตระกูล EV3 EV5 โดยได้นำงานออกแบบด้านหน้ามาใช้เพื่อสร้างความแตกต่างกับคู่แข่งในตลาดดินแดนภารตะ ที่ Kia ได้ตัดสินใจเพิ่มชื่อต่อท้ายจาก Carens ธรรมดา ให้กลายเป็น Carens Clavis 

ไฟหน้า LED Signature ของ Kia Carens Clavis มีความเหมือนกับรถ SUV ตัวเก่งของค่ายอย่าง EV5 ไม่ผิดเพี้ยน โดยด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้าขนาดเล็กแบบเรียบหรู เสริมความบึกบึนด้วยแผ่นกันกระแทกใต้กันชนและช่องดักลมที่ออกแบบมาอย่างลงตัว 

ขณะที่เส้นสายด้านข้างจะมีความคล้ายคลึงกับ Carens โดยเฉพาะเส้นสายของหลังคาและหน้าต่างที่แทบจะถอดแบบกันมา เนื่องจาก Carens Clavis ได้เปลี่ยนแปลงเส้นชายล่างข้างตัวรถเล็กน้อย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่สีทูโทน และสีตัวถังภายนอกพิเศษสีเงิน Ivory Silver Gloss ที่มีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น

ด้านท้ายของตัวรถมีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ด้วยไฟท้ายแบบเติมเต็มความกว้างของตัวรถและกันชนหลังที่ออกแบบให้ดูสปอร์ตมากขึ้น เข้ากับแนวทางการออกแบบของรถ EV รุ่นใหม่ของแบรนด์

ภายในห้องโดยสาร Clavis ยังคงจัดการวางเบาะแบบ 6 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง เช่นเดียวกับ Carens รุ่นปกติ แต่มีการปรับดีไซน์แผงคอนโซลหน้าเล็กน้อย หน้าจอแสดงผลคู่ Full digital ขนาด 10.25 นิ้ว มาจากรุ่น Seltos ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบใหม่จากรุ่น Syros เสริมด้วยการตกแต่งภายในที่ปรับให้ดูพรีเมียมมากขึ้น

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถมีให้เลือกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เบาะคู่หน้าพร้อมระบบเป่าลมเย็น ระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมจาก Bose จำนวน 8 ลำโพง หลังคา Paniramic ขนาดใหญ่ กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบไฟตกแต่งภายใน Ambient lighting และระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติ ADAS ระดับ 2

ด้านขุมพลัง Clavis ยังคงใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับ Carens รุ่นปกติ โดยมีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร โดยเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดาให้พละกำลังสูงสุด 115 แรงม้า (PS) ส่วนแบบพ่วงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้พละกำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS)  ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลให้พละกำลังสูงสุด 116 แรงม้า (PS) สำหรับระบบขับเคลื่อนทั้งหมดจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าเช่นเดียวกับรถมินิแวนในกลุ่มเดียวกัน

Kia เตรียมเปิดรับจอง Carens Clavis ในอินเดียตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป ขณะที่แผนวางจำหน่ายในตลาดอื่นๆ ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ พร้อมราคาจำหน่ายที่คาดว่าจะแพงกว่า Carens รุ่นปกติ เนื่องจากมาพร้อมอุปกรณ์เพิ่มเติมจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม Carens รุ่นดั้งเดิมซึ่งเปิดตัวมานานกว่า 3 ปี จะยังคงวางขายควบคู่กันต่อไป เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มองหาทางเลือกที่คุ้มค่าในราคาสบายกระเป๋า

ที่มา: Carscoops