Mitsubishi เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ภายหลังจากที่ได้เปิดตัว Airtrek ซึ่งใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Aion V โฉมก่อนหน้าจากค่าย GAC โดยรุ่นล่าสุดที่เกิดจากการพัฒนาภายใต้ความร่วมมือกับค่ายรถยนต์จากไต้หวันอย่าง Foxtron ที่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อปี 2020 เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับตลาดที่มีความแข่งขันสูง
แม้ Mitsubishi จะมีพันธมิตรในกลุ่ม Renault–Nissan ซึ่งปัจจุบันมีการ rebrand รถรุ่นต่างๆ เช่น Colt (จาก Renault Clio) ASX (จาก Renault Captur) และ Grandis รุ่นใหม่ (จาก Renault Symbioz) รวมถึงรถครอสโอเวอร์ขุมพลังไฟฟ้าพื้นฐานจาก Nissan Leaf ที่จะเปิดตัวในสหรัฐฯ ช่วงปีหน้า แต่การจับมือกับ Foxtron ถือเป็นก้าวสำคัญที่ออกนอกกรอบพันธมิตรเดิมในกลุ่ม Renault–Nissan

Foxtron คือบริษัทรถยนต์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Foxconn (ผู้ผลิต iPhone รายใหญ่ของโลก) และ Yulon ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของไต้หวัน โดยรถรุ่นใหม่ของ Mitsubishi จะผลิตโดย Yulon และวางจำหน่ายเฉพาะในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ช่วงครึ่งหลังของปี 2026
แหล่งข่าวระบุว่า Mitsubishi EV คันนี้จะพัฒนาต่อยอดจาก Foxtron Model B ซึ่งออกแบบโดยสำนักออกแบบระดับตำนานอย่าง Pininfarina ตัวรถจะมีความยาว 4.3 เมตร ฐานล้อ 2.8 เมตร ใกล้เคียงกับ Volkswagen ID.3 แต่มีบุคลิคที่เน้นความสปอร์ตและล้ำสมัยกว่า



Foxtron เคลมว่ารถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจากแบตเตอรี่ความจุ 60 kWh (ตามมาตรฐาน CLTC) พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 มอเตอร์แบบ AWD ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.9 วินาที นอกจากนี้ยังมีรุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังที่ประหยัดพลังงานกว่า สามารถทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.6 วินาที


อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า Mitsubishi จะใช้โมเดลเดิมทั้งหมดของ Foxtron แล้วแปะโลโก้ของตนเอง หรือจะมีการออกแบบใหม่ให้เป็นเอกลักษณ์ ความร่วมมือนี้ตอกย้ำปัญหาการพัฒนารถ EV ของ Mitsubishi ด้วยตนเองที่ช้าเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และจำเป็นต้องพึ่งพาพันธมิตรเพื่อวางจำหน่ายให้ทันความต้องการของตลาด




นอกจากโครงการนี้ Mitsubishi ยังมีแผนขยายการ rebrand รถรุ่นอื่นๆในยุโรปและอเมริกาเหนือ ทั้งจาก Renault และ Nissan โดยเน้นเฉพาะรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานทางเลือก ทำให้เห็นทิศทางชัดเจนว่าบริษัทยังคงมุ่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่สำหรับตลาด EV แต่ใช้วิธีพัฒนาร่วมกับ Partner เพื่อลดต้นทุนและระยะเวลา
ที่มา: Motor1