เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 ท่ามกลางกระแสการเปิดตัวรถ SUV และรถ EV ทั่วโลก แต่ค่ายโบวไทด์ยักษ์ใหญ่จากแดนมะกันก็ยังคงเดินหน้าปรับโฉมรถที่วางจำหน่ายอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ 2 ประเภทดังกล่าวก็ตาม ซึ่งครั้งนี้เป็นคิวของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอันเลื่องชื่อของค่ายอย่าง Corvette  ซึ่งได้ฤกษ์ปรับโฉมอัพเดทความสดใหม่ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนภายในจากแผงปุ่มกดขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับความเห็นจากกลุ่มลูกค้าในเชิงลบเป็นหน้าจอระบบสัมผัสตามสมัยนิยม

 

อย่างไรก็ตามงานออกแบบภายนอกยังคงเดิม แต่เพิ่มทางเลือกสีตัวถังใหม่ 2 สี ได้แก่ สีเขียว Roswell Green Metallic และสีเงิน Blade Silver Metallic และยังมีลายตกแต่งแถบกลางตัวถังแบบอสมมาตร ให้เลือกทั้งสีแดง Edge Red หรือคาร์บอน Carbon Flash เสริมความดุดันและความสปอร์ต

 

สำหรับหัวใจของห้องโดยสารใหม่ คือการจัดวางหน้าจอ 3 จอ ได้แก่ หน้าปัดแบบ Fulldigital ขนาด 14 นิ้ว จอ Infotainment ขนาด 12.7 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสควบคุมฟังก์ชั่นขนาด 6.6 นิ้ว ที่ติดตั้งทางซ้ายมือของพวงมาลัย โดยหน้าจอเหล่านี้สามารถแสดงข้อมูลแยกกันหรือทำงานร่วมกันเพื่อแสดงระบบต่าง ๆ เช่น โหมดขับเคลื่อน การตั้งค่าแชสซีส์ตัวถังหรือข้อมูลสมรรถนะได้อย่างครบถ้วน

และถึงแม้จะลดจำนวนปุ่มแบบกดได้จริงลง แต่ทาง GM ยืนยันว่า ยังคงไว้ซึ่งปุ่มควบคุมที่สำคัญและใช้งานได้จริง เช่น ปุ่มปรับอุณหภูมิแบบสัมผัสซึ่งย้ายมาอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายใต้จอกลาง ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมแสงไฟส่องสว่างและช่องควบคุมโหมดขับเคลื่อนที่ถูกย้ายตำแหน่งเพื่อเหลือพื้นที่สำหรับแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายมีฝาปิด เพื่อป้องกันโทรศัพท์เลื่อนหลุดในระหว่างขับขี่ด้วยความเร็ว

 

นอกจากนี้คอนโซลกลางแบบใหม่ยังเพิ่มช่องวางแก้ว 2 ตำแหน่ง พร้อมแสงไฟ ambient light พอร์ต ชาร์จแบบ USB-C และที่จับสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าสำหรับยึดเหนี่ยวเวลาที่คนขับใช้ความเร็วบนแทร็กหรือถนนคดเคี้ยว

สำหรับผู้ขับที่ชื่นชอบการแสดงผลสมรรถนะของรถ ระบบ Performance Data Recorder (PDR) ก็ถูกอัปเกรดให้รองรับการแสดงผลที่ละเอียดมากขึ้นและยังทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น Performance App ที่เปิดตัวในรุ่น E-Ray ปี 2024 โดยสามารถแสดงข้อมูลเรียลไทม์ เช่น แรงม้า แรงบิด แรง G เวลาต่อรอบ รวมถึงอุณหภูมิยาง น้ำมันเครื่อง และของเหลวในระบบส่งกำลัง

 

ดีไซน์ภายในใหม่ เน้นความหรูหราและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Corvette ปี 2026 มาพร้อมชุดสีตกแต่งภายในใหม่ 4 แบบ ได้แก่ สีฟ้า Sky Cool และสีเทา Medium Ash Gray พร้อมแถบสี Habanero สีฟ้า Santorini Blue สีน้ำตาลช็อกโกแลตผสมดำและแทนธรรมชาติ Very Dark Atmosphere และ Ultimate Suede (สี Jet Black ตัดกับด้ายเย็บและเข็มขัดนิรภัยสี Adrenaline Red สีฟ้า Santorini Blue หรือสีเหลือง Competition Yellow)

 

ขณะที่รุ่น ZR1 จะได้กรอบหน้าจอคาร์บอนไฟเบอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่น Z06 และ E-Ray สามารถเลือกติดตั้งเป็นออปชันเพิ่มได้ สำหรับหลังคาแบบ Targa ในรุ่นปี 2026 ยังสามารถเลือกกระจกแบบ Electrochromic ที่ปรับความทึบแสงได้ 3 ระดับ ให้ผู้ขับสามารถควบคุมปริมาณแสงแดดในห้องโดยสารได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ที่วางแก้วในรุ่น 2LT/2LZ และ 3LT/3LZ จะใช้วัสดุอะลูมิเนียมแท้ เพิ่มสัมผัสหรูหราและความพรีเมียม

 

แม้ว่า Chevrolet จะได้ไม่ปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลังและแชสซี แต่ก็มีแพ็กเกจ ZTK Performance ที่จะมาพร้อมเบรกคาร์บอนเซรามิกขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีใช้ใน Corvette โดยใช้คาลิเปอร์หน้าแบบ 10 ลูกสูบ และหลัง 6 ลูกสูบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกในสภาพการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

Chevrolet ยังไม่เปิดเผยราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Corvette Model Year 2026 โดยคาดว่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2025 นี้ ซึ่งถือเป็นการปรับโฉมภายในครั้งใหญ่ที่สุดของ C8 นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 ภายหลังจากที่มีการเพิ่มทางเลือกรุ่นย่อยมาอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: Carscoops