Toyota เดินหน้ารุกตลาดรถ EV ในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว bZ5 รถ Crossover ขุมพลังไฟฟ้าล้วนทรง Fastback รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทร่วมทุน FAW-Toyota เป็นรุ่นต่อยอดจากรถต้นแบบ bZ Sport Crossover Concept ที่เผยโฉมในปี 2023 ก่อนจะถูกพัฒนาต่อมาเป็น bZ3C และล่าสุดได้ถูกเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น bZ5 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตำแหน่งไลน์อัพกลุ่มรถไฟฟ้าของ Toyota โดยอยู่ระหว่าง bZ3 ซีดานระดับเริ่มต้น และ bZ7 รถ SUV รุ่นเรือธง





ดีไซน์ภายนอกยังคงใช้แนวทางการออกแบบสไตล์ “Hammerhead” ตามเอกลักษณ์ล่าสุดของ Toyota ผสมผสานเส้นสายครอสโอเวอร์หลังคาลาดแบบ Fastback และไฟท้ายพาดยาวตลอดความกว้างตัวถัง มาพร้อมล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว
ตัวรถมีความยาว 4,780 มม. และ ระยะฐานล้อ 2,880 มม. ซึ่งใกล้เคียงกับ Tesla Model Y โดยสร้างบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน e-TNGA เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม bZ ทั้งหมดของ Toyota


ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอ Infotainment ขนาด 15.6 นิ้ว หน้าจอมาตรวัดแสดงผลการขับขี่แบบ Full digital ที่ติดตั้งใกล้กระจกบังลมหน้า คอนโซลกลางแบบลอยตัว รวมถึงเบาะคู่หน้าที่สามารถปรับเป็นโหมด “นอน” ได้ พร้อมฟังก์ชัน nap mode ที่สามารถปรับได้จากระบบ Infotainment
นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้วยฟังก์ชั่นอย่าง หลังคากระจก Panoramic เครื่องเสียง JBL 10 ลำโพง ระบบน้ำหอมอัจฉริยะภายในห้องโดยสาร ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง และระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติระดับ 2 มาพร้อม ADAS ครบชุด


จุดเด่นสำคัญคือการเลือกใช้แบตเตอรี่จาก BYD แบบ Blade LFP โดยมีให้เลือก 2 ความจุ ได้แก่ 65.28 kWh และ 73.98 kWh รองรับระยะทางสูงสุดตามมาตรฐาน CLTC อยู่ที่ 550 กม. และ 630 กม. ตามลำดับ รองรับการชาร์จเร็วด้วยกระแสไฟ DC จาก 30-80% ภายในเวลาเพียง 27 นาที
ขุมพลังไฟฟ้าทั้งของ 2 รุ่นใช้มอเตอร์ชุดเดียวกัน ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า (PS) แรงบิด 330 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 130,000 หยวน ประมาณ 590,846 บาท ทำให้ bZ5 มีความน่าสนใจในฐานะ EV ราคาเทียบเท่ากับ Toyota Corolla Cross ที่จำหน่ายในตลาดจีน ทั้งนี้ bZ5 มอบสมรรถนะและอุปกรณ์ใกล้เคียงกับรถไฟฟ้ารุ่นพรีเมียมในตลาดอย่าง Tesla Model Y ซึ่งเริ่มต้นที่ 263,500 หยวน ในตลาดจีน (ราว 36,500 ดอลลาร์) จึงนับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สำคัญของ Toyota ในการชิงส่วนแบ่งตลาด EV ที่แข่งขันดุเดือดในแดนมังกร
ที่มา: Carscoops