Xiaomi ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังจากจีนที่หันมารุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง สร้างกระแสอีกครั้งด้วยการเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นแรกอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “Xiaomi YU7” ซึ่งนับเป็นรุ่นที่สองต่อจากซีดาน SU7 ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดบ้านเกิด โดย SU7 มียอดขายถึง 258,000 คันภายในเวลาเพียง 14 เดือน และมียอดส่งมอบมากถึง 28,000 คันในเดือนเมษายน 2025 ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว






YU7 เป็นรถ SUV เกรดพรีเมี่ยมขุมพลังไฟฟ้าที่ถูกพัฒนาขึ้นต่อยอดจากความสำเร็จของ SU7 และถูกออกแบบมาให้มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัยในระดับที่หลายคนเปรียบเทียบกับ Ferrari Purosangue ด้วยรูปทรงด้านหน้าแบบ “Shark Nose” พร้อมไฟหน้าแบบหยดน้ำที่มีช่องระบายอากาศทะลุฝากระโปรง ชิ้นส่วนฝากระโปรงทำจากอะลูมิเนียมแบบแคลมเชล พร้อมระบบจัดการการไหลของกระแสลมเต็มรูปแบบด้วยช่องระบายลม 10 ช่องและช่องระบายอากาศ 19 จุด ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ YU7 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ต่ำเพียง 0.245
ดีไซน์ภายนอกของ YU7 ยังโดดเด่นด้วยมือจับประตูแบบฝังเรียบไปกับตัวถัง กระจกหลังคา Panoramic roof และชุดแต่งท้ายแบบ “halo” พร้อมสปอยเลอร์คู่เสริมภาพลักษณ์สปอร์ตหรู โดยมีให้เลือก 3 สีพิเศษ ได้แก่ เขียวมรกต (Emerald Green) เงินไทเทเนียม (Titanium Silver) และส้มลาวา (Lava Orange) ตัดด้วยแถบตกแต่งสีดำมันเงา
ในด้านมิติรถ YU7 มีความยาว 4,999 มม. ความกว้าง 1,996 มม. ความสูง 1,600 มม. และระยะฐานล้อ 3,000 มม. ใหญ่กว่า Tesla Model Y อย่างชัดเจน และมีระยะฐานล้อยาวกว่า Tesla Model X ถึง 35 มม.








ห้องโดยสารของ YU7 ได้รับการออกแบบในสไตล์ MInimal สุดล้ำ พร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาด 16.1 นิ้ว และหน้าจอ HyperVision Display (Head-up display) ขนาดใหญ่จุใจถึง 43.3 นิ้ว ที่ติดตั้งบริเวณฐานกระจกหน้ารถ คล้ายกับระบบ Panoramic iDrive ของ BMW โดยสามารถแสดงผลทั้งข้อมูลความเร็ว แผนที่นำทาง หรือทำหน้าที่เป็นจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า
เบาะนั่งคู่หน้าหุ้มหนัง Nappa แบบ Zero Gravity พร้อมระบบนวดไฟฟ้า 10 จุด และปรับเอนได้ด้วยปุ่มเดียว ขณะที่เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ระหว่าง 100 ถึง 135 องศา พร้อมจอความบันเทิงคู่หลัง ระบบควบคุมแอร์อิสระและวัสดุหุ้มภายในที่เน้นสัมผัสหรูหรา
YU7 มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 678 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,758 ลิตรเมื่อพับเบาะ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า (frunk) อีก 141 ลิตร











ขุมพลังของ YU7 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย:
- รุ่นมาตรฐาน ใช้มอเตอร์เดี่ยวให้พละกำลังสูงสุด 316 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 528 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. และวิ่งได้ไกลถึง 835 กม. (มาตรฐาน CLTC) ต่อ 1 รอบการชาร์จ จากแบตเตอรี่ความจุ 96.3 kW
- รุ่น Pro ใช้มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 489 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 690 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.3 วินาที ระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จลดลงเล็กน้อยเหลือ 760 กม.
- รุ่น Max ใช้มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 681 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 866 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 253 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ความจุเป็น 101.7 kWh วิ่งได้ 770 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง




แบตเตอรี่ของ YU7 รองรับการชาร์จเร็วด้วยกระแสไฟฟ้าแรงดันสูง 800V โดยสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 12 นาที และสามารถเพิ่มระยะทางสูงสุด 620 กม. ภายในเวลา 15 นาที
ระบบช่วงล่างแบบปีกนกคู่หน้าและ 5-link ด้านหลังมาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่ปรับความสูงได้ 5 ระดับ โดยสามารถยกตัวรถให้สูงสุดถึง 222 มม. พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะและเบรกประสิทธิภาพสูงจาก Brembo
YU7 ยังติดตั้งเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงเต็มรูปแบบ โดยใช้เซนเซอร์และ LiDAR บนหลังคา พร้อมเรดาร์ 4D คลื่นมิลลิเมตร ทำงานร่วมกับกล้องความละเอียดสูง 11 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิกอีก 12 จุด รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงในอนาคต
แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ Lei Jun CEO ของ Xiaomi กล่าวระหว่างงานเปิดตัวว่า YU7 จะมีราคาสูงกว่า Tesla Model Y ประมาณ 60,000-70,000 หยวน ซึ่งเท่ากับประมาณ 300,000-350,000 บาท โดยจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2025 นี้
ที่มา: Carscoops