นอกจาก BMW Speedtop แล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์จากงาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ในปี 2025 นี้ คือการเปิดตัว Bovensiepen Zagato รถคูเป้สายพันธุ์แรงที่ได้รับการออกแบบโดย Zagato แบรนด์ Coachbuild ระดับตำนานจากอิตาลี โดยรถคันนี้อาจไม่ได้ติดตราใบพัดฟ้าขาว แต่ก็แทบจะถอดแบบ BMW M4 รุ่นปรับโฉม (facelift) มาเต็มๆ พร้อมการเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ไฉไลและหรูหรายิ่งกว่า

 

เบื้องหลังของโครงการนี้คือ Andreas และ Florian Bovensiepen ลูกชายของ Burkard Bovensiepen ผู้ก่อตั้ง ALPINA ที่ได้สานต่อเจตนารมณ์ของพ่อผ่านบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ Bovensiepen โดยยังคงประจำอยู่ที่ Buchloe เมืองบ้านเกิดของ ALPINA เช่นเดิม

ตัวถังของ Bovensiepen Zagato นั้นถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยชิ้นส่วนตัวถังส่วนใหญ่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดดเด่นด้วยหลังคาแบบ double-bubble เอกลักษณ์ของรถคูเป้จากสำนัก Zagato กระจังหน้าถูกแทนที่ด้วยแผ่นสเตนเลสเจาะลายรังผึ้งสีดำสุดหรูเช่นเดียวกับช่องดักอากาศด้านล่าง

 

ฝากระโปรงท้ายได้รับการออกแบบใหม่พร้อมสปอยเลอร์ทรง ducktail ที่ดูเรียบง่ายกว่า M2 CS ไฟท้าย LED ทรงเรียวยาว และท่อไอเสียรูปวงรีขนาดใหญ่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของรถ GT มากกว่ารถสปอร์ตดุดัน

ไฮไลท์อยู่ที่การเอาเสากลาง (B-pillar) ออกไปเพื่อให้สามารถเลื่อนกระจกบานหลังลงได้สุด สาเหตุที่ทำได้เช่นนี้ คาดว่า Bovensiepen Zagatoน่าจะใช้พื้นฐานจาก M4 Convertible (G83) รุ่นเปิดประทุนแล้วติดตั้งหลังคาแข็งแทน โดดเด่นด้วยล้ออัลลอย Forged ขนาด 20 นิ้วเฉพาะรุ่น

 

ภายในยังคงกลิ่นอายของ BMW M4 อยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้า ชุดจอแสดงผลหรือแผงควบคุมต่างๆ แต่ Bovensiepen เคลมว่าต้องใช้เวลากว่า 130 ชั่วโมง ในการบุภายในด้วยหนัง Lavalina leather เกรดพรี่เมี่ยม โดยลูกค้าสามารถเลือกสีได้ตามใจชอบ เมื่อรวมทุกกระบวนการและขั้นตอนในการประกอบรถหนึ่งคันจะต้องใช้แรงงานกว่า 250 ชั่วโมง และมีชิ้นส่วนเฉพาะที่สร้างขึ้นใหม่กว่า 400 ชิ้น 

 

ขุมพลังยังคงเลือกใช้เครื่องยนต์รหัส S58B30A เบนซิน 6 สูบแถวเรียง DOHC 24 วาล์ว ความจุ 3.0 ลิตร 2,998 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 84.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้แบบ Direct Injection ด้วยหัวฉีด High Precision Injection แรงดันสูงสุด 350 บาร์ พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged แบบ Momo-scroll 2 ตัว พร้อม Intercooler มีระบบแปรผันระยะเวลายกวาล์ว VALVETRONIC และระบบแปรผันหัวแคมชาฟต์ Double-VANOS โดยได้ปรับแต่งให้มีกำลังสูงสุด 602 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ M Steptronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive มาพร้อมช่วงล่างที่ติดตั้งโช้คจาก Bilstein และระบบไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovič

สมรรถนะตัวเลขเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0 – 100 km/h ภายใน 3.3 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 300 km/h

Bovensiepen จะเปิดเผยรายละเอียดราคาและจำนวนผลิตในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2025 ขณะที่การส่งมอบมีกำหนดเริ่มในไตรมาส 2 ของปี 2026

ที่มา: BMW Blog