หลังจาก Jeep ยุติสายการผลิต Cherokee รุ่นยอดนิยมในสหรัฐฯ เมื่อปี 2023 Jeep เตรียมหวนคืนสู่ตลาดอีกครั้งในฐานะรถ SUV ขนาดกลางรุ่นใหม่หมดจดสำหรับปี 2026 โดยมาพร้อมดีไซน์ทันสมัย งานวิศวกรรมพื้นฐานรุ่นใหม่และตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย รวมถึงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ

Jeep Cherokee รุ่นปี 2026 ได้รับการออกแบบใหม่หมดจด โดยยึดแนวทางการออกแบบล่าสุดของแบรนด์ ซึ่งเริ่มเห็นครั้งแรกในรุ่น Wagoneer S และส่งต่อมายัง Jeep Compass รุ่นน้องเจเนอเรชั่นใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา

ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้า 7 ช่องทรงตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ของ Jeep ตัวถังยังคงสัดส่วนทรงแข็งแกร่งสไตล์ออฟโรด แม้ภาพชุดแรกจะยังไม่เปิดเผยดีไซน์ด้านท้าย แต่คาดว่าจะได้รับอิทธิพลจาก Compass รุ่นล่าสุดเช่นเดียวกัน

Cherokee ใหม่จะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน STLA Large ของ Stellantis ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับที่จะใช้ใน Alfa Romeo Stelvio รุ่นถัดไป จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือสามารถรองรับระบบขับเคลื่อนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid Plug-in hybrid ไปจนถึงขุมพลังไฟฟ้าล้วน

ยังไม่มีการยืนยันสเปกเครื่องยนต์สันดาปที่อาจจะประจำการใน Cherokee แต่คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบเรียง ทวินเทอร์โบ ‘Hurricane’ ความจุ 3.0 ลิตร ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า ในรุ่นเรือธงของแบรนด์ แต่ใน Cherokee ที่มีขนาดกลางและมุ่งเน้นตลาดแมส คาดว่าพละกำลังจะถูกลดลงให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า

และหากมีรุ่น EV นั่นหมายถึงการที่ Jeep อาจนำระบบขับเคลื่อนจากรุ่นพี่ Wagoneer S มาปรับใช้ ซึ่งประกอบด้วย แบตเตอรี่ความจุ 100 kWh และ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังรวมถึง 600 แรงม้า อย่างไรก็ตาม รุ่น Cherokee ขุมพลังไฟฟ้าจะมีสมรรถนะที่เหมาะสมกับรถระดับกลางมากกว่า ไม่เทียบเท่ารุ่นพี่ขนาดใหญ่อย่างแน่นอน

Bob Broderdorf CEO ของ Jeep กล่าวถึงการกลับมาของ Cherokee ว่า “Jeep Cherokee รุ่นใหม่ล่าสุดคือกุญแจสำคัญในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และความคุ้มค่าที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของเรา Jeep Cherokee จะตั้งราคาที่แข่งขันได้และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักในเซ็กเมนต์ยอดนิยม เติมเต็มช่องว่างระหว่าง Compass และ Grand Cherokee อย่างลงตัว”

Jeep Cherokee 2026 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2025 และเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในปี 2026 โดยจะเป็นรุ่นที่กลับมาทำตลาดในอเมริกาแน่นอน ต่างจาก Compass รุ่นล่าสุดที่ไม่ได้วางจำหน่ายในบางภูมิภาค

ที่มา: Motor1