Bentley เปิดตัวรถ SUV รุ่น Bentayga Speed รุ่นปรับโฉม Minorchange 2025 ที่อัพเกรดมาใช้ขุมพลังเบนซิน V8 แทน W12 ในตำนาน พกพาพละกำลังที่มากขึ้นทั้งแรงม้าและแรงบิดสูงสุด เพื่อให้สอดคล้องกับที่ทางค่ายได้ยุติสายพานการผลิตเครื่องยนต์ W12 และยังเป็นการตอกย้ำว่ารถ SUV รุ่นนี้จะยังเลือกใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปล้วน แตกต่างจากรถสปอร์ตรุ่นอื่นๆ ในค่ายที่หันไปใช้ขุมพลัง Hybrid กันถ้วนหน้า

 

รูปลักษณ์ภายนอกของ Bentayga Speed ใหม่ โดดเด่นด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน ด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบรมดำ ล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้วลวดลายเฉพาะรุ่น Speed และยังมีตัวเลือกล้ออัลลอยสีเทาด้าน ดำด้าน หรือดำตัดขอบเงาขนาด 23 นิ้วสำหรับคันที่เลือกติดตั้งชุดเบรกคาร์บอน-เซรามิก 

สามารถเลือกติดตั้งหลังคาดำเงาหรือดำด้านแบบ Speed Black Roof รวมไปถึงการเลือกสีของสปอยเลอร์หลัง เพื่อเพิ่มความดุดันและความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานไปอีกขั้น

 

ภายในห้องโดยสารยังคงเอกลักษณ์ของรถหรูจากแบรนด์ Bentley ไว้อย่างครบถ้วน แต่เพิ่มกลิ่นอายความสปอร์ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตราสัญลักษณ์ Speed บนแผงคอนโซล พรมพื้น และพนักพิงศีรษะ พร้อมแผงมาตรวัดเฉพาะรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะได้อย่างครบถ้วน

ขณะที่เบาะนั่งใช้การเดินลวดลายเพชร Precision Diamond แบบใหม่ ซึ่งเน้นความประณีตในทุกมุมมอง ส่วนโทนสีภายในเลือกใช้หนังแท้สีเข้มเป็นหลัก ตัดด้วยเฉดสีหลักเพื่อเพิ่มความโดดเด่นในบริเวณเบาะ พวงมาลัยและแผงประตู

 

Bentley ยังได้ยกระดับความเร้าใจของรถ SUV หรูด้วยขุมพลัง V8 เทอร์โบคู่ ความจุ 4.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 650 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิด 850 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 310 กม./ชม. กลายเป็นรถ SUV ที่เร็วและแรงที่สุดของ Bentley ณ เวลานี้ 

นอกจากจะมอบพลังมากกว่ารุ่น V8 S และ W12 เดิมแล้ว ยังมาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ทรงพลังจากระบบท่อไอเสียสปอร์ตที่ติดตั้งเป็นมาตรฐาน เสริมความเร้าใจในการขับขี่ด้วยเสียงคำรามทรงพลังผ่านปลายท่อรูปวงรีคู่ที่ออกแบบเฉพาะ สำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษยิ่งขึ้น ยังสามารถเลือกติดตั้งชุดท่อไอเสีย Titanium Akrapovič แบบ 4 ปลายท่อ ที่ให้เสียงคำรามและลดน้ำหนักของตัวรถได้อีกด้วย

 

Bentayga Speed มาพร้อมโหมดการขับขี่หลัก 3 แบบ ได้แก่ COMFORT BENTLEY และ SPORT โดยเฉพาะในโหมด SPORT ที่ได้รับการปรับจูนใหม่ เพิ่มความแข็งของโช้กอัพ 15% ทำให้ตอบสนองการควบคุมพวงมาลัยได้ฉับไวมากขึ้น เสริมความมั่นใจในการเข้าโค้งด้วยระบบ Torque Vectoring by Brake ที่ช่วยกระจายแรงเบรกเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกติดตั้งระบบเบรกคาร์บอน-เซรามิกเพื่อการหยุดที่เฉียบคม พร้อมระบบ ESC Dynamic ที่ปรับระดับการแทรกแซงของระบบควบคุมเสถียรภาพให้สามารถดริฟต์หรือหมุนท้ายรถได้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม โดย Bentley ยังติดตั้งระบบ Launch Control เป็นครั้งแรกในตระกูล Bentayga เพื่อการออกตัวที่รวดเร็วและเฉียบคมยิ่งขึ้น

 

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ (All-Wheel Steering) ซึ่งล้อหลังจะหมุนในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้าเมื่อขับที่ความเร็วต่ำ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและลดรัศมีวงเลี้ยว ขณะเดียวกันเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง ล้อหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นคงในย่านความเร็วสูง

สำหรับอนาคตอันใกล้ Bentley เตรียมเปิดตัวรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกในปีหน้าในรูปแบบ SUV ขนาดเล็กกว่า Bentayga ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญสู่ยุคใหม่ของยานยนต์หรูแห่งอนาคต

ที่มา: Bentley , Motor1