Volkswagen เปิดตัว Golf GTI Edition 50 รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปีของรุ่น GTI อย่างเป็นทางการ โดยรถรุ่นนี้ถือเป็น Hothatch ที่แปะตรา GTI ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
งานออกแบบภายนอกของรุ่นพิเศษนี้โดดเด่นด้วยชุดแต่งเฉพาะรุ่นเริ่มด้วยล้ออัลลอยลาย Queenstown ขนาด 19 นิ้ว สีแดง ตกแต่งหลังคาและกระจกมองข้างด้วยสีดำ ท่อไอเสียสีดำ สติ๊กเกอร์ด้านข้าง และตรา “Edition 50” รอบคัน ตัวถังมีให้เลือกถึง 5 สี รวมถึง สีเขียว “Moss Green” และสีแดง “Tornado Red” ที่ไม่ได้มีให้เลือกในรุ่น GTI ปกติ


ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จ ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ให้สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ถึง 321 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ซึ่งมากกว่ารุ่น GTI Clubsport และเกือบเท่า Golf R โดยยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดิม พร้อมเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 5.5 วินาที เร็วกว่ารุ่น Clubsport (5.6 วินาที) และ GTI มาตรฐาน (5.9 วินาที) อย่างชัดเจน

แม้ Golf R จะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ช่วยให้เร่งได้เร็วกว่าในช่วงออกตัว แต่ Golf GTI Edition 50 มีน้ำหนักเบากว่า และสามารถทำความเร็วสูงถึง 200 กม./ชม. ได้เร็วกว่า Clubsport ถึง 1.6 วินาที โดย Volkswagen ระบุว่าความเร็วสูงสุดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 270 กม./ชม. แม้จะยังไม่มีตัวเลขยืนยันที่ชัดเจน
GTI Edition 50 ยังมาพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive DCC ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ทำการโหลดเตี้ยลง 5 มม. และมีการปรับซอฟต์แวร์พวงมาลัยและลิมิเต็ดสลิปไฟฟ้าใหม่ให้ตอบสนองได้เฉียบคมยิ่งขึ้น




สำหรับลูกค้าที่ยังมองหาความสปอร์ตระดับสนามแข่งมากขึ้นกว่านี้ ยังสามารถเลือกติดตั้ง แพ็คเกจ Performance Pack เพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่มค่าความแข็งของสปริงขึ้น 20% บุชและลูกยางของช่วงล่างใหม่ที่แข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมยางกึ่งสลิก Bridgestone Potenza Race ที่มีน้ำหนักเบากว่ายางมทั่วไปข้างละ 1.1 กิโลกรัม ล้ออัลลอยแบบฟอร์จน้ำหนักเบาที่ยกมาจาก Golf R ที่ช่วยลดน้ำหนักลงได้อีก 3 กิโลกรัม ทั้ง 4 ข้าง พร้อมด้วยท่อไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovic ซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้อีก 11 กิโลกรัม ทำให้เมื่อรวมทุกชิ้นส่วนดังกล่าว สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 30 กิโลกรัม



นอกจากนี้ GTI Edition 50 พร้อมชุด Performance Pack ยังสามารถทำเวลาต่อรอบในสนาม Nürburgring ได้เร็วกว่าเดิม โดย Benny Leuchter ทำสถิติไว้ที่ 7:46.13 นาที ซึ่งถือเป็นรุ่น GTI ที่แปะตรา Volkswagen เวอร์ชั่นผลิตจริงที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ แม้จะยังไม่สามารถโค่นสถิติของ Honda Civic Type R เมื่อปี 2023 ที่ทำไว้ 7:44.881 นาทีได้ก็ตาม

ภายในตกแต่งด้วยเบาะผ้าลายสก็อตที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น GTI พร้อมโลโก้รุ่นพิเศษทั้งบนพรม เบาะ ชายล่างประตูและพวงมาลัย

อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Golf GTI Edition 50 ยังไม่ถูกเปิดเผยในขณะนี้ แต่คาดว่าจะอยู่ระหว่าง GTI Clubsport และ Golf R โดยอาจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยหากเลือกติดตั้ง Performance Pack
อย่างไรก็ตาม ด้วยพละกำลังและสมรรถนะที่เหนือกว่ารุ่น GTI ปกติอย่างชัดเจน GTI Edition 50 จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ Hot Hatch ขับหน้าที่ทั้งแรง ดุดัน และมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว
ที่มา: Carscoops