ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีนได้รายงานแผนชะลอการผลิตภายในประเทศ เนื่องจากปริมาณสต็อกรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการลดราคาครั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่า BYD ได้ยกเลิกกะกลางคืนและลดกำลังการผลิตลงถึงหนึ่งในสามในบางโรงงาน พร้อมทั้งระงับแผนการตั้งสายการผลิตใหม่เพื่อควบคุมต้นทุนและตอบสนองต่อปัญหาล้นสต็อก
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา BYD ได้เปิดแคมเปญลดราคาครั้งใหญ่ครอบคลุมรถยนต์ถึง 22 รุ่น โดยลดสูงสุดถึง 53,000 หยวน ประมาณ 239,448 บาท เพื่อกระตุ้นยอดขายและระบายสต็อก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการลดราคาอย่างหนักสต็อกรถยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวแทนจำหน่ายในบางภูมิภาค เช่น ฝั่งตะวันออกของจีนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวเหตุภาวะสต็อกล้น

แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับ Reuters ว่า BYD ได้ลดชั่วโมงการผลิตในกะกลางคืนลง และเลื่อนแผนขยายสายการผลิตออกไป ทำให้กำลังการผลิตของโรงงานอย่างน้อย 4 แห่ง ลดลงถึง 1 ใน 3 โดยมีสาเหตุมาจากการควบคุมต้นทุนและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายในบางพื้นที่
ถึงแม้ยอดขายในประเทศของ BYD ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2025 จะอยู่ที่ 1,151,919 คัน เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดส่งออกพุ่งทะลุ 374,200 คัน เพิ่มขึ้นถึง 112% แต่ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน (China Automotive Dealer Association หรือ CAAM) ชี้ว่า อัตราการเติบโตของการผลิตของ BYD ในเดือนพฤษภาคมลดลงเหลือเพียง 0.2% สะท้อนภาพรวมของการชะลอตัวด้านการผลิต

ยิ่งไปกว่านั้น สมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จีนยังได้เปิดเผยผลสำรวจว่า ตัวแทนจำหน่ายของ BYD ในเดือนพฤษภาคม มีอัตราสินค้าคงคลังเฉลี่ยสูงถึง 3.21 เดือน ขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั้งตลาดอยู่ที่ 1.38 เดือน ถือว่าสูงที่สุดในประเทศและเป็นสัญญาณอันตรายต่อบรรดาดีลเลอร์ของ BYD
อย่างไรก็ตาม BYD ยังสามารถทำสถิติใหม่ด้านการจดทะเบียนรถในจีนได้อย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ 25 ของปีนี้ (16–22 มิถุนายน 2025) มียอดจดทะเบียนรถถึง 83,400 คัน เพิ่มขึ้น 18.6% จากสัปดาห์ก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 24.85% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรวมแล้ว ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน BYD จดทะเบียนรถรวมทั้งสิ้น 208,550 คันในจีน


แม้สัญญาณบวกด้านยอดจดทะเบียนจะยังคงมีอยู่ แต่สถานการณ์สต็อกล้นและการชะลอการผลิตสะท้อนความท้าทายสำคัญที่ BYD ต้องเผชิญในตลาดภายในประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อการวางกลยุทธ์ทั้งด้านการผลิต การจัดจำหน่าย และการแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา: Carnewschina