หลังจาก Nissan เปิดตัวระบบขับเคลื่อน e-POWER มาแล้วทั่วโลกเกือบทศวรรษนับตั้งแต่วางจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นและได้เปิดตัวในยุโรปเป็นครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน นับว่าเป็นแนวทางอันแน่วแน่ของแบรนด์ที่ต้องการจะดันให้ e-POWER เป็นจุดขายและจุดเด่นที่ทำให้ไม่ตกเทรนด์ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าตามกระแสโลก





Nissan กำลังพลิกโฉมเทคโนโลยียานยนต์อีกครั้งด้วยการเปิดตัว ระบบขับเคลื่อน e-POWER เจเนอเรชันที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่แบบไฟฟ้าอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟจากปลั๊กแต่อย่างใด
หัวใจของระบบ e-POWER คือการใช้เครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่เพียงผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งตรงไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อและชาร์จแบตเตอรี่เมื่อจำเป็น โดยเครื่องยนต์ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อนโดยตรง ไม่ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ




e-POWER รุ่นใหม่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในทุกด้าน:
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพียง 4.5 ลิตร/100 กม. (WLTP)
- ระยะทางขับขี่สูงสุดต่อหนึ่งถังน้ำมันมากถึง 1,200 กม.
- การปล่อย CO₂ ลดลงเหลือ 102 กรัม/กม. ลดลง 12% จากรุ่นก่อนหน้า
- เสียงรบกวนในห้องโดยสารลดลงถึง 5.6 เดซิเบล ให้ความเงียบและนุ่มนวลแบบรถไฟฟ้า
- เพิ่มพละกำลังในโหมด Sport อีก 10 กิโลวัตต์ มอบการตอบสนองที่สนุกยิ่งขึ้น
- ขุมพลังใหม่ 5-in-1: เล็ก เบา แต่ทรงพลัง
ระบบใหม่นี้รวมอุปกรณ์หลัก 5 ชิ้นไว้ในแพ็กเกจเดียว ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้า เจเนอเรเตอร์ อินเวอร์เตอร์ ตัวลดความเร็ว และตัวเพิ่มรอบ ช่วยลดน้ำหนักและประหยัดพื้นที่ ทำงานผสานกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ 3 สูบ ที่ออกแบบเฉพาะเพื่อใช้งานร่วมกับ e-POWER โดยเฉพาะ
ด้วยการใช้แนวคิดการเผาไหม้แบบ STARC ที่ทำให้เครื่องยนต์บล๊อคนี้มีประสิทธิภาพความร้อนสูงถึง 42% ลดเสียงในการทำงานโดยราบรื่นแม้ใช้รอบต่ำ พร้อมเพิ่มขนาดเทอร์โบใหม่และเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องเกรดบางพิเศษ 0W16 ช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่อง





การทดสอบโดยสมาคมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ADAC พบว่า e-POWER รุ่นใหม่จะมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงจริงเพิ่มขึ้น สูงสุด 16% เมื่อขับใช้งานทั่วไป และดีขึ้นอีก 14% บนทางหลวง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
แม้จะยังไม่ใช่รถ EV เต็มรูปแบบ แต่ e-POWER คือทางเลือกอันชาญฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน

e-POWER เจเนอเรชั่นที่ 3 เริ่มต้นจากรุ่น Qashqai สู่อีกหลายรุ่นในอนาคตอันใกล้ สำหรับ Qashqai ที่ติดตั้งระบบ e-POWER เจเนอเรชันที่ 3 จะผลิตที่โรงงาน ในเมือง Sunderland ประเทศอังกฤษ และเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปเดือนกันยายน 2025 ก่อนจะขยายสู่ตลาดแอฟริกาและโอเชียเนียในลำดับถัดไป
นอกจากนี้ Nissan ยังมีแผนเปิดตัวเทคโนโลยี e-POWER รุ่นนี้ในอเมริกาเหนือผ่านรุ่น Rogue ใหม่ในปี 2026 รวมถึงจะเป็นขุมพลังหลักใน Elgrand เจเนอเรชันที่ 4 ที่เตรียมเปิดตัวในญี่ปุ่นภายในปีเดียวกัน
ที่มา: Nissan