Ram เดินหน้าเสริมทัพไลน์อัพรถกระบะอย่างต่อเนื่อง หลังจาที่นำเครื่องยนต์ V8 HEMI กลับมาวางจำหน่ายในรุ่น 1500 และประกาศรับประกันรถยนต์นานถึง 10 ปีสำหรับบางรุ่น โดยล่าสุดได้เปิดตัว Ram 2500 Warlock รุ่นปี 2026 เป็นครั้งแรกในตระกูล พร้อมกับรุ่น 2500 Black Express โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถกระบะขนาดใหญ่ที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน
Ram 2500 Warlock ใช้ตัวถังรูปแบบ 4 ประตู Crew Cab 4×4 พร้อมกระบะสั้นเท่านั้น ด้านดีไซน์ภายนอกตกแต่งด้วยกันชนหน้า-หลังและคิ้วซุ้มล้อสีดำ พร้อมกระจังหน้าสีดำแบบเฉพาะรุ่น ออกแบบเพื่อเน้นความพร้อมใช้งานในเส้นทางออฟโรดโดยเฉพาะ มาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่เฉพาะรุ่นขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยาง Goodyear Duratec All-Terrain ขนาด 34 นิ้ว
เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยโช้คอัพ Bilstein ดิฟหลังแบบ anti-spin และแผ่นกันกระแทกใต้กระปุกเกียร์ (transfer case skid plate) ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะผ้าทรงเบนช์ พร้อมพรมรองพื้นแบบกันน้ำสำหรับการใช้งานหนัก
นอกจากนี้ยังมีรุ่นย่อย Ram 2500 Black Express ที่เปิดตัวพร้อมกัน แต่มาในลุคสปอร์ต และเน้นการปรับแต่งได้มากกว่า ตัวรถเป็นรูปแบบ Crew Cab เช่นเดียวกัน แต่สามารถเลือกได้ทั้งกระบะสั้นและกระบะยาว พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 หรือ 4 ล้อ ภายนอกมาพร้อมฝากระโปรงหน้าทรงสปอร์ต กันชนและกระจังหน้าสีเดียวกับตัวถัง ล้ออัลลอยสีดำขนาด 20 นิ้ว พร้อมบันไดข้างสีดำ
ทั้งสองรุ่นสามารถเลือกสีภายนอกได้ถึง 8 สี ได้แก่ สีดำ Diamond Black สีขาว Bright White สีเงิน Granite Crystal สีเงิน Silver Zynith สีนำ้เงิน Forged Blue สีแดง Flame Red สีเทา Ceramic Grey และสีแดง Molten Red
ขุมพลังมีให้เลือก 2 แบบคือ เครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 6.2 ลิตร HEMI ให้กำลังสูงสุด 405 แรงม้า แรงบิด 580 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ความจุ 6.7 ลิตร Cummins พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่รีดกำลังได้ถึง 420 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 1,458 นิวตัน-เมตร โดยทั้งสองเครื่องยนต์ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Torqueflite 8 จังหวะ
สำหรับราคาจำหน่ายในสหรัฐฯ Ram 2500 Warlock เริ่มต้นที่ 57,165 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,852,717 บาท เพิ่มขึ้น 2,995 ดอลลาร์จากรุ่น Tradesman ขณะที่รุ่น Black Express เริ่มต้นที่ 53,735 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,741,175 บาท
Ram เปิดให้ลูกค้าเปิดจองทั้งสองรุ่นโดยจะมีจำนวนจำกัดและจะเริ่มส่งมอบรถได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 นี้ สำหรับผู้ที่มองหากระบะ Full Size พร้อมลุยทุกรูปแบบ
ที่มา: Motor1