ท่ามกลางกระแสผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่เริ่มถอยทัพจากแผนรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด Lamborghini กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ซูเปอร์คาร์ที่เลือกปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยประกาศว่า Urus รุ่นต่อไปจะยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in hybrid (PHEV) แทนที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนตามแผนเดิม
Stephan Winkelmann CEO ของ Lamborghini ให้สัมภาษณ์กับสื่อยานยนต์หัวอังกฤษอย่าง Autocar ว่า การมีทางเลือกขุมพลัง Hybrid เอาไว้เป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับแบรนด์และลูกค้าและเชื่อว่าลูกค้าจะมีความเชื่อใจในแบรนด์มากกว่าหาก Urus รุ่นต่อไปยังมีเครื่องยนต์สันดาปอยู่ให้เลือกอยู่
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของระบบขับเคลื่อนใน Urus รุ่นถัดไป แต่หากพิจารณาจากข้อมูลของรุ่นปัจจุบันอย่าง Urus SE ปี 2025 อาจใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ความจุ 4.0 ลิตร ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมสูงถึง 789 แรงม้า แรงบิด 950 นิวตัน-เมตร ซึ่งถือเป็น Urus ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Lamborghini มีแผนเปิดตัว Urus รุ่นใหม่ในปี 2029 โดยยังคงใช้ระบบ Plug-in hybrid ส่วนรุ่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนที่เคยวางแผนไว้ว่าจะตามมา อาจต้องรอถึงปี 2035 ซึ่งเป็นการเลื่อนกำหนดการออกไปอีกหลายปีจากเป้าหมายเดิม
ไม่ใช่เพียงแต่ Urus เท่านั้นที่ถูกเลื่อนการเปิดตัวเวอร์ชันไฟฟ้า ยังมีรถต้นแบบขุมพลังไฟฟ้าล้วน Lanzador ที่มีกำหนดผลิตจริงในปี 2028 ก็ถูกเลื่อนไปปี 2029 เช่นเดียวกัน
Winkelmann ระบุว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Lamborghini เลื่อนแผนการเปิดตัวรถ EV คือต้องรอดูความชัดเจนของกฎหมายในยุโรป โดยเฉพาะนโยบายห้ามขายรถเครื่องยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2035 ซึ่งมีแนวโน้มจะถูกทบทวนใหม่ในปีหน้า อาจเปิดทางให้รถเครื่องยนต์ยังสามารถขายต่อไปได้ภายใต้ข้อกำหนดทางมลพิษใหม่
นอกจากนี้ Lamborghini ยังลงทุนวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (e-fuels) ที่สามารถใช้ในเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบันได้โดยไม่ลดทอนสมรรถนะและถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน
แนวทางของ Lamborghini สอดคล้องกับผู้ผลิตรถยนต์ระดับหรูอีกหลายค่าย เช่น Ferrari Porsche และ McLaren ที่ยังเดินหน้าผลิตรถชุมพลัง Hybrid ต่อไป พร้อมชะลอการเปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่อย่างไม่มีกำหนด
การเปลี่ยนแนวทางการเลือกใช้ขุมพลังนี้เกิดขึ้นจากหลากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนของกฎหมาย การชะลอตัวของยอดขาย EV ทั่วโลก รวมถึงแรงกดดันจากต้นทุนการพัฒนาและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ
แม้ Lamborghini จะยังไม่ปิดประตูสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วนโดยสมบูรณ์ แต่การชูโรงด้วยขุมพลัง PHEV ก็สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมที่เริ่มทบทวนความเหมาะสมของการเปลี่ยนผ่านไปยัง EV อย่างเร่งรัดและเลือกใช้ขุมพลัง Hybrid เพื่อรักษาสมรรถนะและเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ในระหว่างทาง
ที่มา: Motor1 , AutoCar UK
