แม้ Nissan จะเคยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถ EV ด้วยการเปิดตัว Nissan Leaf ตั้งแต่ปี 2009 ที่วางจำหน่ายทั้งประเทศญี่ปุ่นและตลาดโลก แต่ในปี 2025 นี้ Nissan กำลังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้านจากสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงสภาวะทางการเงินที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักล่าสุด Nissan และแบรนด์พรีเมียมในเครืออย่าง Infiniti จึงได้ประกาศเลื่อนการผลิตรถ SUV ขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่ออกไปอีก 10 เดือนเป็นอย่างน้อย

ตามรายงานจากสื่อยานยนต์หัวใหญ่อย่าง Automotive News อ้างว่า Nissan ได้แจ้งบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนว่าแผนการผลิตรถ EV สองรุ่นที่จะประกอบที่โรงงาน Canton รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐอเมริกาได้ถูกเลื่อนออกไป โดยรุ่นที่จะวางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Nissan (รหัสการพัฒนา PZ1K) จะเริ่มผลิตในเดือนพฤศจิกายน 2028 ขณะที่รุ่นที่แปะตรา Infiniti (รหัสการพัฒนา PZ1J) จะเริ่มขึ้นสายพานการผลิตในเดือนมีนาคม 2029

 

การเลื่อนแผนการผลิตครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติโครงการให้เครดิตภาษีรถยนต์พลังงานสะอาด (Clean Vehicle Tax Credit) มูลค่า 7,500 ดอลลาร์ ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดในปี 2032 แต่กฎหมายใหม่ที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในวันที่ 4 กรกฎาคม ภายใต้ชื่อ One Big Beautiful Bill ได้เลื่อนวันสิ้นสุดมาเป็น 30 กันยายน 2025 นี้

Nissan ให้เหตุผลในการเลื่อนแผนการผลิตว่าเป็น “เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อให้โรงงาน Canton สามารถผลิตรถที่แข่งขันได้สูงและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด” แม้ไม่ได้เป็นการยกเลิกโครงการโดยตรง แต่ก็ถือเป็นการสะท้อนถึงการชะลอการลงทุนใน EV ที่เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายราย

 

ก่อนหน้านี้ Nissan เคยประกาศว่าครอสโอเวอร์ EV รุ่นใหม่จะเป็น SUV สายลุย (adventure-focused) ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีงบประมาณ 2027 โดยรุ่นของ Infiniti จะตามมาในปี 2028 และมีแรงบันดาลใจจากต้นแบบรุ่น Vision QXe ซึ่งเน้นความหรูหราและดีไซน์แบบ “Artistry in Motion”

ถึงแม้รายละเอียดของทั้งสองรุ่นจะยังไม่ถูกเปิดเผยมากนัก แต่ภาพทีเซอร์ที่ปล่อยออกมาเผยให้เห็นว่า รุ่นที่แปะตรา Nissan มีทรงเหลี่ยมแบบลุย ๆ คล้ายกับ Xterra ขณะที่รุ่นของ Infiniti จะโค้งมนมากกว่า เน้นความพรีเมียมเพื่อจับกลุ่มลูกค้าระดับบน

นับว่าเป็นเพียงหนึ่งในหลายความล่าช้าในแผนการรุกตลาด EV ของ Nissan ตลอดปี 2025 ที่ผ่านมา บริษัทได้ยกเลิกแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในกลุ่มซีดานและครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก สำหรับตลาดอเมริกา ซึ่งเดิมทีจะวางจำหน่ายตำแหน่งต่ำกว่า Rogue

 

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวโน้มในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มชะลอความเร่งรีบในการเปลี่ยนผ่านสู่รถ EV จากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการถอนนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงลังเล

สำหรับ Infiniti ที่กำลังขาดแคลนรถรุ่นใหม่ การเลื่อนโมเดลไฟฟ้ารุ่นหลักออกไปอาจกระทบต่อความสามารถในการฟื้นตัวของแบรนด์ ขณะที่ Nissan เองต้องเร่งปรับตัวใหม่เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการลงทุนในอนาคตและการอยู่รอดในปัจจุบัน

ที่มา: Carscoops , AutomotiveNews