Hyundai เผยโฉม IONIQ 6 N อย่างเป็นทางการที่งาน Goodwood Festival of Speed 2025 โดย IONIQ 6 N ได้รับการออกแบบตามปรัชญาหลักของแบรนด์ 3 ประการ ได้แก่ Corner Rascal (คล่องตัวไปตามโค้งต่างๆได้) Racetrack Capability (ใช้งานได้จริงในสนามแข่ง) และ Everyday Sportscar (รถสปอร์ตที่ยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้) เพื่อสร้างประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจและเต็มไปด้วยความสนุกทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย
รูปลักษณ์ภายนอกของ IONIQ 6 N ได้รับการปรับแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง ทั้ง สปอยเลอร์หลังแบบ Swan Neck โป่งซุ้มล้อที่ขยายกว้างกว่ารุ่นปกติ และชุดกันชนหน้า-หลังออกแบบเฉพาะรุ่น N โดยทั้งหมดนี้ไม่ได้เพิ่มเพียงแค่ภาพลักษณ์ความสปอร์ตเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มแรงกดและลดแรงต้านอากาศเพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ย่านความเร็วสูง
IONIQ 6 N มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงถึง 770 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที (เมื่อใช้ฟังก์ชัน N Launch Control) และมีความเร็วสูงสุดที่ 257 กม./ชม. ระบบแบตเตอรี่ใหม่ N Battery ได้รับการพัฒนาให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการขับขี่ในรูปแบบต่าง ไม่ว่าจะเป็น drag sprint หรือ endurance race พร้อมระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ลดอุณหภูมิได้เร็วขึ้น ลดเวลารอการปรับสภาพแบตเตอรี่ก่อนใช้งานในสนาม
ด้านระบบกันสะเทือนได้ยกชุดใหม่ โดยใช้ช่วงล่างใหม่ทั้งหมด รวมถึงโช้คอัพระบบ ECS แบบมีเซนเซอร์วัดระยะการยุบตัว (stroke sensing) ที่สามารถปรับแรงหน่วงได้หลากหลายตามสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ช่วยให้ควบคุมตัวรถได้แม่นยำและขับสนุกมากยิ่งขึ้น
IONIQ 6 N ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ควบคุมรถขั้นสูงที่พัฒนาโดย Hyundai เอง หนึ่งในไฮไลต์คือ ระบบเสียง N Active Sound+ ที่จำลองเสียงมอเตอร์สปอร์ตแบบเสมือนจริงผ่านลำโพงภายในรถ โดยมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ “Ignition” “Evolution” และ “Lightspeed” เสริมความเร้าใจในการขับขี่ เพิ่มอรรถรสที่สมจริงและเหมาะสมกับรถสมรรถนะสูง แม้ไม่มีเครื่องยนต์สันดาป
อีกหนึ่งจุดเด่นได้แก่ N e-Shift ระบบจำลองการเปลี่ยนเกียร์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนรถแข่งเครื่องยนต์สันดาปมากขึ้นไปอีกขั้น ผสานกับฟีเจอร์สมรรถนะขั้นสูง เช่น N Drift Optimizer N Grin Boost N Torque Distribution และ N Launch Control เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความสนุกในการควบคุมรถได้ตามต้องการ
ออฟชั่นไฮไลท์ที่เพิ่มเข้ามาคือ N Ambient Shift Light ซึ่งเป็นไฟตกแต่งภายในที่แสดงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์แบบซิงโครไนซ์กับฟังก์ชั่น N e-Shift ช่วยให้ผู้ขับรู้จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ขณะที่ฟัฃก์ชั่น N Track Manager เป็นระบบที่ให้ผู้ขับสามารถจำลองสนามแข่งเพื่อวิเคราะห์เวลาต่อรอบและดูการขับขี่แบบ Ghost Car เปรียบเทียบรอบก่อนหน้าได้แบบเรียลไทม์
Hyundai ยังมีชุดแต่ง N Performance Parts สำหรับลูกค้าที่ต้องการตกแต่งและเสริมสมรรถนะเพิ่มเติม ทั้งสำหรับการใช้งานบนถนนและในสนามแข่ง โดย IONIQ 6 N รุ่นแต่งพิเศษนี้ก็ถูกนำมาแสดงพร้อมกับ IONIQ 5 N IONIQ 5 N TA Spec และ i30 N ที่บูธ Hyundai N ในมหกรรมโชว์รถพิเศษและสมรรถนะสูง Goodwood Festival of Speed 2025 ที่จะจัดขึ้นในประเทศอังกฤษวันที่ 10-13 กรกฎาคมนี้
ในวันที่ 10 กรกฎาคม จะมีไฮไลต์สำคัญของงานคือ “N Moment” ซึ่งเป็นการโชว์สมรรถนะพร้อมกันของรถจากแบรนด์ N ทุกคัน รวมถึงการเปิดตัว IONIQ 6 N Drift Spec และรุ่นตกแต่งพิเศษ พร้อมโชว์บนเส้นทาง Hillclimb ให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสความแรงแบบใกล้ชิด
ที่มา: Hyundai
