เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว Maserati MC20 กลับไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างที่แบรนด์หวังไว้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari McLaren หรือ Lamborghini ทำให้ Maserati ต้องปรับแผนแก้เกมส์สำหรับปี 2026 กันใหม่ ด้วยการปรับโฉมเล็กน้อย พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่ไฉไลกว่าเดิมเป็น MCPura (ไม่ใช่เมนูใหม่ของแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู๊ดสัญชาติอเมริกันแต่อย่างใด) 

 

ชื่อ “MCPura” มาจากคำว่า “Maserati Corse” (MC) ซึ่งหมายถึงแผนกมอเตอร์สปอร์ตของแบรนด์และคำว่า “Pura” ในภาษาอิตาลีที่แปลว่า “บริสุทธิ์” สื่อถึงแนวทางของรถรุ่นนี้ที่ยังคงความคลาสสิกด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปล้วน ที่ไม่พึ่งพาระบบไฮบริดเหมือนคู่แข่งรายอื่น เช่น Ferrari 296 Lamborghini Temerario หรือ McLaren Artura เป็นต้น

|

 

แม้จะมีการเปลี่ยนชื่อและปรับรายละเอียดเล็กน้อย แต่ MCPura ยังคงใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมของ MC20 ไว้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกที่มีน้ำหนักเบา ด้านการออกแบบ MCPura มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เริ่มต้นที่กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ พร้อมกับได้ปรับแอโรไดนามิกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มทางเลือกของสีตัวถังใหม่ 

ขณะที่เวอร์ชันเปิดประทุน MCPura Cielo ก็ได้รับการปรับปรุงระบบระบายความร้อนและอากาศพลศาสตร์เมื่อเปิดหลังคา เพื่อคงสมรรถนะไว้แม้เปิดหลังคาซิ่ง

 

ภายในห้องโดยสารมีการใช้วัสดุ Alcantara มากขึ้น พวงมาลัยคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์เหมือนในเวอร์ชั่นสนาม GT2 Stradale และระบบ Infotainment ใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลสมรรถนะ Performance Pages บนจอกลาง ขณะที่ส่วนอื่นๆ ยังคงสไตล์มินิมอลตามแบบฉบับเดียวกับ MC20

 

เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ที่ให้กำลัง 621 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 729 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังไปยังล้อหลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 8 จังหวะของ Tremec ซึ่งใช้ร่วมกับ Chevrolet Corvette

ไฮไลต์สำคัญของเครื่องยนต์นี้คือเทคโนโลยี Pre-Chamber Ignition หรือการจุดระเบิดผ่านห้องเผาไหม้ย่อยที่มีหัวเทียนแยกต่างหากอีก 1 ชุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ในรอบสูง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยแรงม้าสูงสุดมาที่ 7,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดในช่วง 3,000–5,500 รอบ/นาที

 

Maserati วางแผนผลิต MCPura รุ่นปี 2026 จำนวนจำกัด โดยสหรัฐอเมริกาได้รับโควตาเพียง 120 คันและแคนาดาอีก 10 คัน รวมแล้วคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของกำลังผลิตทั้งหมดในปีแรกที่ 390 คัน เปิดรับจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กรกฎาคม โดยยังไม่ประกาศราคาจำหน่ายในขณะนี้แต่อย่างใดและจะเริ่มส่งมอบปลายปี 2025 นี้ 

ที่มา: Motor1