Renault ยังคงเดินหน้ารุกตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว Boreal ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจะวางจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศนอกยุโรป โดยพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับ Dacia Bigster แต่ได้ทำการยกระดับตำแหน่งทางการตลาดให้เหมาะสมกับแบรนด์ Renault ด้วยการปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความพรีเมียมและทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ในภูมิภาคละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และตลาดนอกยุโรปอื่นๆ

Boreal มาพร้อมกับด้านหน้าดีไซน์ใหม่หมด โดยใช้กระจังหน้าตาข่ายสีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้าถูกจัดวางเป็นช่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมติดตั้งโลโก้ Nouvel’R อันโดดเด่นของ Renault ส่วนรายละเอียดที่เสริมภาพลักษณ์ความพรีเมียมประกอบไปด้วย แผ่นกันกระแทกอะลูมิเนียม หลังคาสีดำตัดกับตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ซันรูฟแบบ panoramic รวมถึงแถบตกแต่งโลหะและขอบกันกระแทกรอบคัน

 

ด้านท้ายของรถถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับ Dacia Bigster โดย Boreal ได้ติดตั้งไฟท้ายแบบเรียวยาว กันชนท้ายดีไซน์สุดเฉียบ และฝาท้ายที่โค้งมนยิ่งขึ้น ช่วยให้ภาพรวมดูทันสมัยและหรูหรายิ่งขึ้น

Boreal มีความยาวรวม 4,556 มม. สั้นกว่า Bigster 14 มม. ระยะฐานล้อ 2,702 มม. ซึ่งเท่ากับ Bigster โดยอยู่ในพิกัดเดียวกับรถกลุ่ม C-SUV เช่น Toyota Corolla Cross หรือ Honda HR-V มาพร้อมจุดเด่นความจุพื้นที่สัมภาระสูงถึง 1,770 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงราบทั้งหมด

 

ห้องโดยสารของ Boreal ได้รับการปรับโฉมใหม่โดยมาพร้อมหน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 10 นิ้ว คู่กับหน้าจอกลาง Infotainment ขนาด 10 นิ้วที่รองรับระบบปฏิบัติการ Google built-in สำหรับการใช้งานแอป Android ระบบนำทาง คำสั่งเสียง และการเชื่อมต่อกับ Google Assistant ได้โดยอย่างมีประสิทธิภาพ

วัสดุตกแต่งภายในก็ถูกยกระดับด้วยลวดลายแบบเลเซอร์ ไฟสร้างบรรยากาศ (ambient lighting) ปรับได้ถึง 48 สี เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุสีฟ้าหรือเทา Cool Grey พร้อมเดินตะเข็บสีตัดกัน โดยที่เบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับด้วยไฟฟ้า และมาพร้อมระบบอุ่นเบาะ ขณะที่เบาะแถวหลังมีความกว้างขวาง รองรับการใช้งานครอบครัวได้เต็มรูปแบบ

 

นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นเสริมอื่นๆ ได้แก่ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซน ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย คอนโซลกลางแบบมีช่องแช่เย็นได้และระบบเสียง Harman Kardon จำนวน 10 ลำโพง

Renault Boreal รองรับระบบช่วยขับขี่ขั้นสูงมากถึง 24 รายการ เช่น

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (Lane Centering Assist)
  • ระบบเตือนจุดอับสายตา, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติแบบไร้มือ (Hands-Free Parking)
  • ระบบแจ้งเตือนวัตถุด้านข้างขณะถอยหลัง และระบบแจ้งเตือนก่อนเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งผ่านด้านข้าง

 

ขุมพลังใช้ร่วมกับรุ่นอื่นๆภายในค่ายด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DCT 6 จังหวะ โดยรุ่นที่จำหน่ายในบราซิลให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้า ด้วยเชื้อเพลิงเบนซิน และสูงถึง 161 แรงม้า เมื่อใช้เชื้อเพลิง Flex fuel ส่วนรุ่นที่ผลิตในตุรกีมีพละกำลัง 136 แรงม้า และแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร เท่ากัน ซึ่งสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 9.3 วินาที

นอกจากนี้ Renault ยังระบุว่ารุ่นที่วางจำหน่ายนอกละตินอเมริกาอาจมีทางเลือกขุมพลังอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้นี้

Renault Boreal จะผลิตในบราซิล (โรงงาน Curitiba) สำหรับตลาด 17 ประเทศในละตินอเมริกาและตุรกี (โรงงาน Bursa) สำหรับตลาด 54 ประเทศในยุโรปตะวันออก, ตะวันออกกลาง และแถบเมดิเตอร์เรเนียน โดยจะทยอยขยายไปสู่ตลาดโลกภายในปี 2026

ที่มา: Carscoops