โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Ford กับบริษัท Jiangling Motors (JMC) ของจีน เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดจีน อย่างไรก็ตามรถรุ่นนี้จะไม่มีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา

ในด้านดีไซน์ Bronco ไฟฟ้ารุ่นนี้ผสมผสานรูปลักษณ์ของ Bronco Sport กับ Bronco รุ่นมาตรฐาน ตัวรถมีรูปทรงเหลี่ยมสัน เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นรถออฟโรดชัดเจน พร้อมยางอะไหล่ที่ติดตั้งที่ฝากระโปรงท้ายและประตูท้ายแบบเปิดข้างตามสไตล์ Bronco นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ Lidar บนหลังคาเพื่อรองรับระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ

 

ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา Bronco มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง กำลัง 300 แรงม้า และ V6 เทอร์โบคู่ ที่ให้แรงม้าสูงสุดถึง 418 แรงม้าในรุ่น Raptor ส่วนรุ่นเล็กกว่าอย่าง Bronco Sport จะมีเครื่องยนต์ 3 หรือ 4 สูบให้เลือก แต่สำหรับประเทศจีนซึ่งตลาด EV เติบโตอย่างมากทำให้ทั้ง Bronco และ Bronco Sport กำลังจะมี “น้องใหม่” ที่เป็นขุมพลังไฟฟ้าเข้ามาร่วมทำตลาดด้วย

 

โครงสร้างตัวรถเป็นแบบ Unibody หรือ Monocoque ต่างจาก Bronco เวอร์ชั่นปกติ ซึ่งเป็นแบบ Truck-based หรือ Body-on-Frame 

มิติตัวถัง

  • ยาว 5,004 มิลลิเมตร
  • กว้าง 1,955  มิลลิเมตร
  • ฐานล้อ 2,949 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวรถ รุ่น EREV 2,510 กิโลกรัม
  • น้ำหนักตัวรถ รุ่น BEV 2,630 กิโลกรัม

 

Ford Bronco New Energy มีให้เลือก 2 ระบบขับเคลื่อน ได้แก่ 

  • EREV – ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 415 แรงม้า (หน้า 174 แรงม้า + หลัง 241  แรงม้า) พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 43.7 kWh (ผลิตโดย BYD) และใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร สำหรับสร้างกระแสไฟฟ้าเสริม วิ่งได้ไกลสูงสุด 1,220 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC)
  • BEV – ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 445 แรงม้า (หน้า 174 แรงม้า + หลัง 271  แรงม้า) พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 105.4 kWh (ผลิตโดย BYD) วิ่งได้ไกลสูงสุด 650 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC)

 

Ford Bronco New Energy จะวางจำหน่ายในจีนช่วงปลายปี 2025 โดยมีราคาประมาณ 300,000 ถึง 400,000 หยวน หรือประมาณ 1,356,000 – 1,808,000 บาท 

ทั้งนี้ Ford ยังไม่มีแผนจะจำหน่าย Bronco EV รุ่นนี้ในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นรถที่พัฒนาภายใต้โครงการเฉพาะในจีน และยังแตกต่างจากแนวทางของ Bronco รุ่นอเมริกันที่เน้นสมรรถนะออฟโรดด้วยโครงสร้างตัวถังแบบแชสซี (body-on-frame)

ที่มา: Motor1 , Sina