อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของสหราชอาณาจักรเผชิญช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในรอบกว่า 70 ปี โดยมียอดผลิตในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 อยู่ที่เพียง 417,232 คัน ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1953 หากไม่นับปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ COVID-19

ยอดผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

ยอดผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

Mike Hawes ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์และผู้ค้าสหราชอาณาจักร (SMMT) กล่าวในการแถลงข่าวเปิดเผยตัวเลขในรอบครึ่งปีแรกของปี 2025 ล่าสุดว่า “นี่คือจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมยานยนต์อังกฤษ” โดยให้เหตุผลถึงปัจจัยหลายประการ เช่น การเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ การปิดโรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของ Stellantis ที่เมือง Luton และการปรับทีพโมเดลรถยนต์รุ่นหลักที่ผลิตในประเทศอย่างต่อเนื่อง “สถานการณ์ดังกล่าวถึงแม้จะไม่แย่เท่าช่วง COVID-19 แต่ก็ถือว่าเป็นครึ่งปีแรกที่ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1953 Hawes กล่าวเพิ่มเติม

ยอดผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

ยอดผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

ยอดการผลิตรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ลดลง 11.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดการณ์ว่ายอดผลิตทั้งปีจะได้ประมาณ 755,000 คัน ลดลงถึง 15% จากปีก่อน ขณะที่ปี 2026 คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยที่ 803,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.4% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังถือว่า ห่างไกลจากจุดสูงสุดในยุคปัจจุบันของอุตสาหกรรมยานยนต์อังกฤษเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งเคยผลิตได้มากกว่า 1.5 ล้านคันต่อปี

ยอดผลิตรวมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

รัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าตามยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมล่าสุดว่าจะต้องเพิ่มกำลังผลิตให้ถึง 1.3 ล้านคันภายในปี 2035 ซึ่ง Hawes ระบุว่า การจะไปถึงเป้าหมายนั้นจำเป็นต้องมี “ผู้ผลิตรายใหม่อย่างน้อยหนึ่งหรือสองราย” มาลงทุนตั้งโรงงานในอังกฤษ ซึ่งน่าจะเป็นผู้ผลิตจากจีนที่มีแนวโน้มสูงที่สุด พร้อมชื่นชมว่ายุทธศาสตร์อุตสาหกรรมของรัฐบาลชุดปัจจุบันช่วยดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะในประเด็นเรื่อง ต้นทุนพลังงานที่แข่งขันได้มากขึ้น

ในด้านการส่งออก ปัญหาภาษีนำเข้าสินค้าจากอังกฤษไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเคยอยู่ที่ 27.5% ได้รับการแก้ไขโดยข้อตกลงที่ลดภาษีเหลือเพียง 10% สำหรับจำนวน ไม่เกิน 100,000 คันต่อปี ซึ่งเพียงพอกับระดับการส่งออกในปัจจุบัน Hawes มองว่า ข้อตกลงนี้รวมถึงยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมใหม่ แสดงให้เห็นว่า “รัฐบาลชุดนี้พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์”

 

 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการผลิตยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล โดยการผลิตรถยนต์ลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เหลือเพียง 385,810 คัน ขณะที่การผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ได้รับผลกระทบหนักจากการปิดโรงงานลูตัน โดยลดลงถึง 45.4% เหลือเพียง 31,422 คัน ทั้งนี้รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือระบบไฟฟ้าผสม (xEV) มีสัดส่วนมากกว่า 40% ของการผลิตรวมในสหราชอาณาจักร

กว่า 75% ของรถยนต์ที่ผลิตในอังกฤษส่งออกไปต่างประเทศ โดยสหภาพยุโรปเป็นตลาดหลักคิดเป็น เกือบ 55% ตามด้วยสหรัฐอเมริกา 15.9%, จีน 7.5%, ตุรกี 4.1% และญี่ปุ่น 2.7%

แม้หลายโรงงานจะต้องหยุดสายการผลิตในช่วงฤดูใบไม้ผลิเนื่องจากผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ แต่ภายในเดือนมิถุนายน การผลิตกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นสัญญาณฟื้นตัวเบื้องต้นของอุตสาหกรรมที่ยังต้องฝ่าฟันอีกมากในระยะยาว

ที่มา: SMMT UK , Autocar UK