FAW Bestune หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ Besturn เป็นแบรนด์รถยนต์ภายใต้เครือ FAW อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรได้เปิดตัวรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นเล็ก Besturn Pony EV รุ่นปี 2026 อย่างเป็นทางการในประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2025 ที่งาน Fan Cooling Festival ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฉางชุน มณฑลจี๋หลิน

 

การออกแบบภายนอกถึฃแม้ตัวถัฃรถจะมีขนาดเล็กแต่มีอค์ประกอบเอกลักษณ์เฉพาะตัว Besturn Pony ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ตัวถังทรงกล่องแบบสามประตู สี่ที่นั่ง เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่เสริมความทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยโทนสีใหม่ “Snow Cherry Pink” และการออกแบบที่ให้ความรู้สึกคล่องตัวและน่ารัก โครงสร้างภายนอกเน้นเส้นสายเฉียบคม มีซุ้มล้ออันโดดเด่น พร้อมล้ออัลลอยแบบลดแรงต้านอากาศและกระจกมองข้างสีขาวตัดกับตัวรถ ด้านท้ายของรถดีไซน์ให้สอดรับกับด้านหน้าอย่างลงตัว

ตัวถังมีขนาดความยาว 3,000 มม. ความกว้าง 1,510 มม. ความสูง 1,630 มม. และระยะฐานล้อ 1,953 มม. ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก

 

ภายในห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งแนวทางการออกแบบรุ่นก่อนหน้า แต่เพิ่มความหรูหราเล็กน้อยด้วยโทนสีภายในแบบใหม่สีน้ำตาล “Cocoa Brown” และฟีเจอร์ที่อัปเกรดจากรุ่นเดิม ได้แก่ หน้าจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว (ในรุ่นสูง) กุญแจรถความคุมผ่านสมาร์ตโฟนด้วย ระบบ Bluetooth ระบบอัปเดต OTA สำหรับความบันเทิง ผู้ช่วยอัจฉริยะ DeepSeek ระบบบันทึกการขับขี่ (Driving Recorder) และฟังก์ชันเคลื่อนที่อัตโนมัติด้วยความเร็วต่ำ (Low-Speed Creep)

 

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง แรงขึ้น ประหยัดขึ้น ให้กำลังสูงสุด 42 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ขนาด 18.11 kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 222 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ของจีน

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าซึ่งมีมอเตอร์ขนาด 28 แรงม้าและระยะทางวิ่งได้สูงสุดเพียง 122 กิโลเมตร ถือว่าได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนทั้งในด้านพละกำลังและระยะทางการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

 

Besturn Pony ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานในเมืองที่ต้องการรถขนาดกะทัดรัด ประหยัดพลังงาน ราคาเข้าถึงง่าย และมีฟีเจอร์ทันสมัยครบถ้วน โดยเฉพาะในยุคที่คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยมาพร้อมราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่เพียง 34,900 หยวน หรือประมาณ 158,557 บาท สำหรับรุ่นเริ่มต้น และ 45,900 หยวน หรือประมาณ 208,533 บาท สำหรับรุ่นท็อป

ที่มา: Carnewschina