Huawei และ Seres ภายใต้แบรนด์ Aito เปิดตัว M7 รถยนต์ครอสโอเวอร์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบขยายระยะทาง (EREV) ขนาดใหญ่รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศจีน เจเนอเรชั่นที่ 2 โดยมาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจดที่สืบทอดแนวทางการออกแบบ “Interstellar Matrix” จากรุ่นพี่อย่าง Aito M8 และเตรียมทำตลาดในประเทศจีนเดือนกันยายน 2025 นี้ โดยมีแนวโน้มว่าจะถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศภายใต้แบรนด์ Seres เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า
Aito M7 เจเนอเรชั่นแรกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2022 โดยเป็นรถยนต์แบบ EREV ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Dongfeng Fengon ix7 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 319,800 หยวน จากนั้นในช่วงปลายปี 2023 Huawei และ Seres ได้ปรับโฉมและลดราคาลงเหลือ 258,000 หยวน ส่งผลให้ยอดขายพุ่งทะลุถึง 193,342 คันในปีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ยอดขายของ M7 กลับลดลงถึง 71% ตามข้อมูลจาก China EV DataTracker ทำให้การเปิดตัวรุ่นใหม่มีบทบาทสำคัญในการกู้คืนยอดขายกลับมา
Aito M7 ได้รับการปรับโฉมด้วยไฟหน้าแบบ gauntlet-shaped และกระจังหน้าทรงปิดทึบสไตล์รถ EV พร้อมช่องรับอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมู นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยมือจับประตูแบบเรียบ (flush door handles) ล้ออัลลอยลายใหม่ คิ้วโครเมียมตกแต่งรอบคันและไฟท้ายทรงยาวแบบแถบเดียว
ตัวรถมาพร้อมเสาและราวหลังคาสีดำ เสริมความล้ำด้วย LiDAR ติดตั้งบนหลังคา ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมระบบช่วยขับ Huawei ADS 4 ที่รวมฟีเจอร์หลัก เช่น ระบบหลีกเลี่ยงการชนทุกความเร็ว ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ และความสามารถในการนำทางผ่านวงเวียน นอกจากนี้ Aito M7 รุ่นใหม่นี้ยังเพิ่มสีตัวถังใหม่สีแดง “Coral Red”
ด้านขุมพลัง คาดว่า Aito M7 รุ่นใหม่นี้จะใช้ระบบ EREV แบบเดียวกับรุ่น M8 สำหรับรุ่นเริ่มต้นจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ที่ใช้มอเตอร์เดี่ยวให้กำลัง 304 แรงม้า โดยรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีกำลังรวมสูงสุดถึง 526 แรงม้า จากแบตเตอรี่ขนาดระหว่าง 37 – 53.4 kWh พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้กำลัง 158 แรงม้า ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ปั่นไฟให้กับแบตเตอรี่
All-new Aito M7 จะเริ่มจำหน่ายในประเทศจีนเดือนกันยายน 2025 โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบันคือระหว่าง 249,800 – 329,800 หยวน ประมาณ 1,128,361 – 1,489,725 บาท และในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกส่งออกไปทำตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อ Seres 7 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้
ที่มา: Carnewschina
