เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 Mitsubishi เปิดตัว Outlander Trail Edition รุ่นปี 2025 ซึ่งเป็นเวอร์ชันตกแต่งพิเศษที่มาพร้อมภาพลักษณ์สายลุย รถรุ่นนี้ไม่ได้ถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการใช้งานออฟโรดอย่างแท้จริง แต่เน้นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบดีไซน์แบบเอาต์ดอร์ พร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การเดินทางหรือกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การขับรถท่อแ งเที่ยวตามทางดินหรือเส้นทางธรรมชาติ ไม่ใช่การปีนเขาหรือฝ่าทางทุรกันดารโดยตรง

 

งานออกแบบภายนอกของ Trail Edition มีความแตกต่างจากรุ่นปกติด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน เช่น ซุ้มล้อ คิ้วประตู กันชนหน้า-หลัง เสริมด้วยสติ๊กเกอร์ดำที่ฝากระโปรงหน้าและด้านข้างตัวรถ พร้อมติดตราสัญลักษณ์ Trail Edition บริเวณฝากระโปรงท้าย ส่วนรายละเอียดเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นกระจกมองข้าง มือจับประตู กรอบหน้าต่างและกระจังหน้าแบบ Dynamic Shield ก็ถูกปรับเป็นสีดำเพื่อสร้างความดุดัน พร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้วลายพิเศษ สามารถเลือกจับคู่กับยาง All-Terrain อย่าง Cooper Discoverer Road+Trail ที่เหมาะสำหรับการขับบนถนนลูกรังหรือสภาพพื้นผิวหลากหลาย

 

อุปกรณ์เสริมเฉพาะรุ่น ได้แก่ แร็คหลังคา Thule Caprock ที่ผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มได้ผ่านตัวแทนจำหน่าย รองรับการบรรทุกอุปกรณ์เดินทางอย่างเรือคายัค กล่องสัมภาระ หรือจักรยานแบบติดตั้งที่ด้านท้ายผ่านชุดอุปกรณ์เสริมติดตั้งกับชุดลากจูง (hitch mount) ได้อีกด้วย ซึ่งช่วยขยายการใช้งานให้เข้ากับกลุ่มผู้ใช้ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ

 

ภายในห้องโดยสารของ Trail Edition ยังได้รับการตกแต่งเอาใจสายลุย โดยใช้วัสดุหนังเทียมผสมหนังกลับสีดำ พร้อมโลโก้เฉพาะรุ่น เสริมด้วยพรมรองพื้นและแผ่นรองห้องสัมภาระท้ายรถแบบกันน้ำที่มีตรา Trail Edition เช่นกัน อุปกรณ์มาตรฐาน เช่น เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบอุ่น หลังคากระจก Panoramic แบบไฟฟ้า เครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Yamaha แบบ 8 ลำโพง ช่อง USB-C มากถึง 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกแถว พร้อมหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้าและใบปัดน้ำฝนแบบอุ่นเพื่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ

 

แม้จะใช้ชื่อ Trail Edition แต่ตัวรถไม่ได้มีการอัปเกรดด้านขุมพลังหรือระบบกันสะเทือนเพิ่มเติมจากรุ่น SE ที่เป็นพื้นฐาน โดยยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ S-AWC ซึ่งให้การควบคุมที่มั่นใจในทางเปียกหรือเส้นทางดิน แต่ยังไม่เหมาะกับการลุยเส้นทางออฟโรดจริงจังหรือภูมิประเทศที่ซับซ้อน เพราะไม่มีการปรับความสูงตัวรถหรือโหมดการขับขี่เฉพาะทาง

Trail Edition ถือเป็น Outlander รุ่นสุดท้ายที่ใช้ขุมพลังแบบสันดาปล้วน ก่อนที่ Mitsubishi จะเปลี่ยนไลน์อัปไปสู่ระบบ Hybrid เต็มรูปแบบในปี 2026 โดยจะมีทางเลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์พร้อมระบบ mild-hybrid และระบบ plug-in hybrid รุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรถอเนกประสงค์รุ่นเรือธงของแบรนด์

 

Mitsubishi Outlander Trail Edition ปี 2025 เปิดราคาจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ ที่ 39,295 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1.45 ล้านบาทไทย ซึ่งแพงกว่ารุ่น SE อยู่ 1,360 เหรียญสหรัฐฯ โดยตั้งใจวางตัวเป็นคู่แข่งกับรถในกลุ่มตกแต่งแนวลุยที่ไม่ได้เน้นสมรรถนะออฟโรดแบบเต็มรูปแบบ เช่น Nissan Rogue Rock Creek Edition Subaru Forester Wilderness Honda CR-V TrailSport Hybrid และ Toyota RAV4 Woodland Edition ซึ่งทั้งหมดต่างพยายามสร้างจุดขายด้วยรูปลักษณ์แนวผจญภัย เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์มากกว่าการลุยในสภาพทางทุรกันดาร

ที่มา: Carscoops