Nissan กำลังเดินหน้ากลยุทธ์รุกตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ (NEVs) ในจีนอย่างจริงจัง และ​ Nissan N6 คือหนึ่งในผลิตผลล่าสุดที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV) และรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม รุ่นนี้เป็นรถซีดาน Plug-in Hybrid แบบ REEV ขนาดกลางที่พัฒนาและผลิตโดยความร่วมมือกับ Dongfeng ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ Nissan ในจีน

 

แม้รูปลักษณ์ภายนอกของ N6 จะดูคล้ายรุ่นพี่อย่าง N7 ที่เป็นไฟฟ้าล้วน แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียด จะพบความแตกต่างหลายจุด ทั้งในเรื่องขนาดและรายละเอียดงานออกแบบ โดย N6 มีขนาดตัวถังสั้นกว่าเล็กน้อย โดยมิติตัวถังอยู่ที่ ยาว 4,831 มม. กว้าง 1,885 มม. สูง 1,491 มม. และฐานล้อ 2,815 มม. ซึ่งสั้นกว่า N7 ราว 100 มม.

 

ด้านดีไซน์ภายนอก N6 ยังคงใช้แนวทางการออกแบบร่วมสมัยของ Nissan ที่ผสมผสานความเรียบหรูและความสปอร์ต เช่น ไฟหน้า LED แบบแยกชั้นที่ปรับส่วนล่างใหม่ให้เข้ากับกระจังหน้า V-Motion ที่เป็นเอกลักษณ์ เส้นสายด้านข้างมีความคมชัดขึ้นเพื่อให้ภาพลักษณ์ดูปราดเปรียว และยังคงใช้มือจับประตูแบบฝังเรียบที่ได้รับความนิยมในยุครถไฟฟ้าและไฮบริดปัจจุบัน

ด้านท้ายออกแบบให้เรียบง่ายกว่า N7 โดยใช้ไฟท้าย LED แบบคาดเต็มความกว้างที่ลดความซับซ้อนของกราฟิก กันชนท้ายดีไซน์มาตรฐานพร้อมซ่อนปลายท่อไอเสียเพื่อความกลมกลืนและยังคงติดตั้งตรา Nissan แบบเรืองแสงทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบ Nissan ยุคใหม่

 

แม้จะยังไม่มีภาพภายในหลุดออกมา แต่มีความเป็นไปได้สูงว่า N6 จะใช้การจัดวางและอุปกรณ์ใกล้เคียงกับ N7 เช่น คอนโซลหน้าสไตล์มินิมอลที่ดูโปร่งโล่ง หน้าจอ Infotainment แบบลอยตัวขนาด 15.6 นิ้วที่เป็นศูนย์กลางการควบคุม ฟังก์ชันต่างๆ จอ Full digital เต็มรูปแบบสำหรับผู้ขับขี่ แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สายคู่และพวงมาลัยแบบสองก้านที่เน้นความทันสมัย

 

หัวใจสำคัญของ N6 คือระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid REEV ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ผลิตโดย Dongfeng ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งระบบนี้คาดว่าจะใช้หลักการแบบเดียวกับขุมพลัง e-Power ของ Nissan ซึ่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อทั้งหมด ขณะที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่และเพิ่มระยะทางวิ่ง โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (LFP) 

(Nissan N7)

Nissan N6 ถูกวางตำแหน่งให้เปิดตัวในตลาดจีนภายในสิ้นปี 2025 นี้ โดยนอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการในตลาดภายในประเทศแล้ว ยังมีโอกาสขยายสู่ตลาดต่างประเทศบางภูมิภาค เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรปบางส่วน เพื่อเสริมกำลังให้กับไลน์อัพ N-Series ที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ N7 กำลังเตรียมบุกตลาดโลกในปีหน้า N6 จะช่วยให้ Nissan สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาทางเลือกที่ผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่นของไฮบริดและเทคโนโลยีไฟฟ้าสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

ที่มา: Carscoops