Gordon Murray Automotive (GMA) สร้างสีสันให้กับวงการซูเปอร์คาร์อีกครั้งด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Le Mans GTR โภายใต้แผนก Special Vehicle (SV) ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อสืบทอดแรงบันดาลใจจากรถแข่ง Longtail ในอดีต และยกระดับด้วยเทคโนโลยีร่วมสมัยในแบบฉบับเฉพาะของ GMA

Le Mans GTR ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง Le Mans Longtail ที่ศาสตราจารย์ Gordon Murray หลงใหลมาตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการออกแบบรถยนต์ โดยผสมผสานเส้นสายและหลักอากาศพลศาสตร์ของรถแข่งยุค 1970s ถึง 1990s อาทิ Matra-Simca MS660 Porsche 917 และ Alfa Romeo Tipo 33/3 ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลระหว่างความเร็วและความงาม

 

Gordon Murray กล่าวถึงผลงานใหม่นี้ว่า “รถแข่ง Longtail คือการผสมผสานระหว่างจุดแข็งทางอากาศพลศาสตร์และความสมดุลของดีไซน์อย่างแท้จริง ผมชื่นชอบการผสมผสานระหว่างวิศวกรรมที่พิถีพิถันกับเส้นสายการออกแบบที่ลื่นไหลมาตลอด Le Mans GTR คือการตีความใหม่ของรถแข่ง Longtail ที่ผมชื่นชม พร้อมเพิ่มเติมเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งแชสซีส์ เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังที่เราพัฒนามาอย่างประณีต”

หัวใจของ Le Mans GTR ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน GMA V12 แบบ High-revving จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง โดยคงไว้ซึ่งปรัชญา “น้ำหนักเบาและวิศวกรรมในเชิงศิลป์” ของ GMA

 

โครงสร้างตัวถังได้รับการออกแบบให้ลู่ลมด้วยระบบ Passive Boundary Layer Control ที่ช่วยลดแรงต้าน ขณะเดียวกันอุปกรณ์เสริมด้านอากาศพลศาสตร์รอบคัน เช่น สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และดิฟฟิวเซอร์คู่ด้านหลัง ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างแรงกดสูงสุด โดยไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมสร้างแรงกดเช่นใน T.50 และ T.50s นอกจากนี้ยังเสริมด้วยสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่เต็มความกว้างของตัวรถ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างแรงกดและแรงเสียดทานในทุกย่านความเร็ว

ระบบท่อไอเสียคู่ที่ออกแบบพิเศษเพื่อปลดปล่อยเสียงของเครื่องยนต์ V12 ที่ดุดันผ่านดิฟฟิวเซอร์คู่ด้านหลัง เสริมด้วยช่องดักอากาศบนหลังคา (Ram-air Intake) ที่ช่วยขับเน้นประสบการณ์เสียงในห้องโดยสารเมื่อรอบเครื่องยนต์ก้าวสู่ขีดสุด 12,100 รอบต่อนาที

 

สำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานในสนามแข่ง Le Mans GTR ยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนที่เบาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยระยะฐานล้อกว้างขึ้นที่มาพร้อมยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงการติดตั้งแท่นเครื่องแบบแข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อเสริมความมั่นคงในการควบคุม 

ถึงแม้ Le Mans GTR จะเน้นสมรรถนะเพื่อสนามแข่ง แต่ภายในห้องโดยสารยังคงมาตรฐานคุณภาพระดับสูงในแบบฉบับของ GMA โดยมีการออกแบบแผงคอนโซลใหม่ทั้งหมด รวมถึงปุ่มสวิตช์ มาตรวัด แป้นเหยียบและเบาะนั่ง ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุและสีสันเพื่อให้สอดคล้องกับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง Longtail ในอดีต หรือเลือกออกแบบร่วมกับทีม Creative Design เพื่อสร้างค็อกพิทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

GMSV Le Mans GTR จะถูกผลิตเพียง 24 คันทั่วโลก ซึ่งสื่อถึงจำนวน 24 ชั่วโมงของการแข่งขัน Le Mans อันโด่งดัง ทุกคันถูกจับคู่กับเจ้าของเรียบร้อยแล้วผ่านความร่วมมือกับ Joe Macari Performance Cars ขณะที่ราคาจำหน่ายยังไม่ถูกเปิดเผย แต่คาดว่าจะสูงลิ่วตามมาตรฐานของซูเปอร์คาร์รุ่นพิเศษจาก GMA รถคันแรกจะถูกส่งมอบให้กับลูกค้าในปี 2026

ที่มา: Gordon Murray Automotive