เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 Mercedes-Benz เปิดตัว GLC with EQ technology แทนที่ EQC ที่เริ่มไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย และรับน้องใหม่อย่างทันทีหลังจาก BMW เปิดตัว iX3 ได้เพียงข้ามสุดสัปดาห์ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสุด Iconic ได้รับการตีความใหม่จากจุดกำเนิดของยุครถยนต์สันดาป ให้กลายเป็นงานศิลป์ไฮเทคที่มีไฟเรืองแสงตามสมัยนิยม (BMW ก็ใช้แนวทางนี้กับ iX3 ใหม่เช่นเดียวกัน) โดยมาพร้อมกรอบโครเมียมกว้าง พร้อมโครงสร้างตะแกรงโทนกระจกสีรมควันและไฟตกแต่งรอบขอบด้านนอก
ออฟชั่นเสริมที่เสียเงินซื้อเพิ่มเติมได้แก่กระจังหน้าพร้อมไฟ LED จุดเล็ก 942 ดวงแบบ backlit สามารถทำเอฟเฟกต์อนิเมชันได้ และยังมีไฟส่องสว่างรอบสัญลักษณ์ดาว Mercedes-Benz ไฟหน้า Full LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและมี DIGITAL LIGHT เป็นออฟชั่นเสริม โดยไฟ DRL และไฟเลี้ยวให้ลุค “visor” เน้นความโดดเด่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน
ชุดตกแต่งโครเมียมรอบกรอบกระจกรอบคัน หลังคาพาโนรามาสุดไฮเทคปรับความเข้มได้อัตโนมัติ ราวหลังคาและมือจับประตูแบบเรียบเนียนที่ทำงานร่วมกับระบบ KEYLESS-GO ด้านท้ายไฟท้ายลายดาวพร้อมฟังก์ชั่นแอนิเมชัน ไฟท้ายสองส่วนออกแบบด้วยลวดลายดาว Mercedes-Benz ที่ส่องสว่างโดดเด่นทั้งกลางวันและกลางคืน เติมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังสองชิ้นพร้อมตกแต่งด้วยสีดำ และทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd = 0.26
มิติตัวรถ
- ความยาว 4,845 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,913 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,644 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,972 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดใต้พื้น 175 มิลลิเมตร
- รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6 เมตร (เหลือ 5.6 แมตร เมื่อติดตั้งระบบเลี้ยวที่ล้อคู่หลัง)
ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นถึง 84 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป ส่งผลให้ห้องโดยสารกว้างขวางและนั่งสบายกว่าเดิมอย่างชัดเจน ผู้โดยสารด้านหน้ามีพื้นที่เพิ่มขึ้น 13 มิลลิเมตรสำหรับช่วงขา และ 46 มิลลิเมตรสำหรับพื้นที่เหนือศีรษะ ขณะที่ผู้โดยสารด้านหลังก็ได้อานิสงส์ด้วยพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น 47 มิลลิเมตร และพื้นที่เหนือศีรษะอีก 17 มิลลิเมตร การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยนี้ ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางไกลและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ด้วยความจุห้องเก็บของด้านท้ายถึง 570 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลง ความจุจะขยายเพิ่มเป็น 1,
ห้องโดยสารจัดเต็มด้วยความหรูหราทั้ง Analog และ Digital ผสมผสานกัน โดยใช้แนวคิดการออกแบบ“Sensual Purity” ยกระดับความหรูหราและความทันสมัย แผงคอนโซลและแดชบอร์ดเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว รองรับ MBUX HYPERSCREEN (ออฟชั่นเสริม) ขนาด 39.1 นิ้ว ที่ติดตั้งเต็มความกว้างห้องโดยสาร
ระบบ MBUX SUPERSCREEN ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกราฟิกความละเอียดสูงและธีมพื้นหลังที่เลือกได้ตามอารมณ์ ทำงานร่วมกับแสงไฟ Ambient Lighting โอบล้อมทั้งห้องโดยสาร สร้างเอฟเฟกต์ “ลอยตัว” ของหน้าจอและแผงตกแต่ง
การออกแบบคอนโซลกลางและแผงคอนโซลหน้าใช้เส้นโค้งต่อเนื่อง พร้อมไฟ Ambient Lighting ใต้ช่องชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 2 ตำแหน่ง ปุ่มควบคุมใหม่ ที่วางแก้วน้ำถูกแยกออกจากแท่นชาร์จ ช่องแอร์ดีไซน์เทคโนโลยี พร้อมไฟ Ambient ที่เปลี่ยนสีตามการปรับอุณหภูมิ ระบบเครื่องเสียง Burmester® 3D พร้อมตะแกรงลำโพงลายเส้นแนวนอนแบบ 3D relief ทำจากสเตนเลส พร้อมด้วยระบบปรับเบาะไฟฟ้าในประตูยังคงเอกลักษณ์ Mercedes แต่ถูกปรับให้หรูและใช้งานง่ายขึ้น
วัสดุทั้งหมดจะเน้นทั้งความหรูหราและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Mercedes-Benz เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่นำเสนอห้องโดยสารผ่านการรับรองมาตรฐาน Vegan จาก The Vegan Society
โดยแพ็กเกจ Vegan ครอบคลุมทุกพื้นผิวสัมผัสได้แก่ เบาะ หลังคา แผงประตู พรม ฯลฯ โดยใช้วัสดุ ARTICO (หนังสังเคราะห์คุณภาพสูง) และผ้าทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีวัสดุหรูอื่นๆ เช่น Softtorino Nappa leather รวมถึงลายตกแต่งไม้แท้ เส้นใยธรรมชาติ คาร์บอนไฟเบอร์ ฯลฯ เฉดสีห้องโดยสารมีครบทั้ง ดำ เบจงาช้าง น้ำตาลบีช และสีน้ำตาล Tagua สำหรับหนัง Nappa แบบพิเศษ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่แบบชิ้นเดียวพร้อมลายตะเข็บ “Twisted Diamond” ที่ให้ความรู้สึกความหรูหราและงานฝีมือระดับสูง
ยกระดับไปอีกขั้นด้วย MB.OS (Mercedes-Benz Operating System) ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ผสานและควบคุมทุกมิติของการขับขี่ ตั้งแต่ระบบ Infotainment การขับขี่อัตโนมัติ ความสะดวกสบาย ไปจนถึงการชาร์จพลังงาน หัวใจสำคัญของระบบนี้คือเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ขับ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และยังเชื่อมต่อกับ Mercedes-Benz Intelligent Cloud รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-Air
ด้านสมรรถนะ GLC ใหม่ไฟฟ้าติดตั้งระบบเบรก One-Box ที่ผสานการหน่วงพลังงานและการเบรกจริงได้อย่างราบรื่น มั่นใจ และต่อเนื่อง พร้อมระบบช่วยขับขี่ MB.DRIVE ที่ใช้กล้อง 10 ตัว เรดาร์อีก 5 ตัว และเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว เพื่อยกระดับความปลอดภัย ช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะจาก S-Class และระบบเลี้ยวล้อหลัง 4.5 องศาเสริมทั้งความสบายและความคล่องตัว
GLC ใหม่ไฟฟ้าเป็นรถรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งระบบจองสถานีชาร์จ (Charging Reservation) แบบบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งของบริการ MB.CHARGE Public ผู้ขับสามารถวางแผนการเดินทางและจองคิวชาร์จได้ล่วงหน้า เพิ่มความสะดวกและมั่นใจในการใช้งานจริง อีกหนึ่งจุดเด่นคือการรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบบสองทิศทาง (Bidirectional Charging) ทำให้รถไม่เพียงแค่ชาร์จพลังงานเข้า แต่ยังสามารถจ่ายพลังงานกลับเข้าสู่ระบบไฟฟ้าภายในบ้านหรือโครงข่าย (V2H/V2G) ได้ในอนาคต
ทางเลือกขุมพลังหลากหลายโดยเริ่มต้นด้วยรุ่นเรือธง GLC 400 4MATIC กำลังสูงสุด 490 แรงม้า สำหรับรุ่น GLC 400 4MATIC with EQ Technology วิ่งได้ไกลถึง 713 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ก่อนต่อยอดด้วยอีกสี่รุ่นที่จะตามมา ตอกย้ำการนิยามอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าในแบบของ Mercedes-Benz ที่ครบถ้วนทั้งความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีอัจฉริยะ
หลังการเปิดตัวรุ่นย่อยแรกอย่าง GLC 400 4MATIC with EQ Technology จะมีอีก 4 รุ่นย่อยตามมา เสริมไลน์อัพ เพื่อครอบคลุมทุกความต้องการของตลาดในอนาคต
ที่มา: Mercedes-Benz
