ถึงแม้ว่า Renault จะได้เปิดตัว 5 EV รถไฟฟ้าสุดเรโทรที่คว้ารางวัล European Car of the Year 2025 ไปครอง แต่ถ้าพูดถึงรถรุ่นที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ Renault ในยุโรปแล้ว ชื่อที่ชาวยุโรปคุ้นหูกันมาหลายทศวรรษคือ Renault Clio รถ Hachack ยอดนิยมที่โลดแล่นมากว่า 35 ปี โดยล่าสุด Renault ได้ส่ง Clio เจเนอเรชันที่ 6 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Munich Motor Show 2025 พร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ เพื่อรักษาความสดใหม่และดึงดูดลูกค้าต่อไป
Renault Clio ใหม่ยังใช้วิศวกรรมพื้นฐาน CMF-B แบบเดียวกับรุ่นก่อน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือเส้นสายภายนอกที่คมเข้มและทันสมัยมากขึ้น Renault อ้างว่าได้รับแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ Emblème Concept
ถึงกระนั้น ด้านท้ายที่ออกแบบสไตล์คูเป้พร้อมมือจับประตูหลังซ่อนรูป ทำให้ Clio ใหม่ยังคงความสวยงามในมุมมองเฉียงที่ด้านหลัง ขณะที่ความจุห้องเก็บสัมภาระยังคงเท่าเดิม แต่การปรับตำแหน่งขอบล่างทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น
ตัวรถมีความยาวเพิ่มขึ้น 67 มม. รวมเป็น 4,116 มม. ความกว้างและความสูงขยับเพิ่มเล็กน้อย แต่ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นเพียง 8 มม. เท่านั้น ทำให้ภายในไม่ได้รู้สึกใหญ่ขึ้นแบบ SUV แต่ยังคงความคล่องตัวในเมืองได้ดี
ห้องโดยสาร Clio เจเนอเรชันใหม่ได้แรงบันดาลใจจาก Renault 5 EV โดยรุ่นท๊อปจะติดตั้งจอ Full Digital แบบเชื่อมต่อกันระหว่างชุดมาตรวัดและจอกลาง ขณะที่รุ่นพื้นฐานยังคงใช้หน้าจอแบบแท็บเล็ตแยกเหมือนเดิม
ทุกระบบรองรับการเชื่อมต่อ Google Maps Google Assistant Google Play รวมถึง Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ขณะที่รุ่นท็อปอย่าง Esprit Alpine จะติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น เบาะนั่งบุด้วยวัสดุ Alcantara และแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ส่วนใครที่ชอบความบันเทิงยังสามารถเลือกออปชันเครื่องเสียง Harman Kardon กำลังขับสูงสุด 410W ซึ่งปรับแต่งเสียงโดยศิลปินชื่อดัง Jean-Michel Jarre
ระบบความปลอดภัยและผู้ช่วยขับขี่ (ADAS) มากถึง 29 ฟังก์ชัน เช่น Emergency Stop Assist ที่ช่วยหยุดรถหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนอง Adaptive Cruise Control ที่ถอดแบบมาจาก Renault 5 EV ฟีเจอร์ Safety Score และ Safety Coach ที่ช่วยประเมินพฤติกรรมการขับขี่และแนะนำการขับที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีปุ่ม My Safety Switch ที่ช่วยปิดระบบช่วยเหลือได้สูงสุด 5 รายการภายในครั้งเดียว สำหรับผู้ที่ไม่ชอบระบบเข้ามาแทรกแซงมากเกินไป
Renault Clio ใหม่จะไม่มีรุ่นไฟฟ้าล้วนให้เลือก (ใครอยากได้ EV ต้องข้ามไปเลือก Renault 5) แต่มีทางเลือกเครื่องยนต์ Hybrid ที่พัฒนาใหม่ทั้งหมด ได้แก่
- E-Tech Hybrid เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร แรงสุดด้วยพลัง 158 แรงม้า อัตราปล่อย CO2 เพียง 89 g/km สามารถขับเคลื่อนด้วยหลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ถึง 80% ของการขับขี่ในเมือง พร้อมอัตราเร่งจากความเร็ว 0–100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.3 วินาที เร็วกว่ารุ่นเก่าเกือบ 1 วินาที
- TCe Turbo เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมอัตราเร่งจากความเร็ว 0–100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 10.1 วินาที เร็วกว่ารุ่นก่อนที่มีเพียง 89 แรงม้าอยู่ถึง 2 วินาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ DCT
- สำหรับตลาดยุโรปบางประเทศจะมีรุ่น Eco-G เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ ใช้เชื้อเพลิง LPG ให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ DCT
Clio 6 จะเริ่มจำหน่ายในยุโรปช่วงปลายปี 2025 นี้ โดยในสหราชอาณาจักรจะมีรุ่นย่อยให้เลือกตั้งแต่ Evolution Techno และ Esprit Alpine คาดว่าราคาจะเริ่มต้นไม่เกิน 20,000 ยูโร ทำให้ Clio เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า Renault 5 EV ซึ่งเน้นดีไซน์เรโทรและมาพร้อมราคาจำหน่ายสูงกว่า
การเปิดตัว Renault Clio รุ่นที่ 6 ถือเป็นก้าวสำคัญในการรักษาฐานลูกค้าของ Renault แม้จะไม่หวือหวาเหมือน Renault 5 EV แต่ Clio ยังคงเป็น รถยนต์ขายดีอันดับต้น ๆ ของยุโรป ด้วยดีไซน์สดใหม่ เทคโนโลยีเชื่อมต่อทันสมัย ระบบความปลอดภัยแน่น และขุมพลัง Hybrid ที่ทั้งแรงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ที่มา: Carscoops
