เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2025 Dacia กำลังเปิดศักราชใหม่ให้กับรถ SUV สายลุยอย่าง Duster และรุ่นพี่อย่าง Bigster ด้วยการเปิดตัวระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid-G 150 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4×4 ที่ผสมผสานเทคโนโลยี ไฮบริด เข้ากับการใช้เชื้อเพลิงได้สองประเภท (Bi-Fuel) ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊ส LPG เพื่อมอบความประหยัดมากยิ่งขึ้น พร้อมศักยภาพในการวิ่งได้ไกลสุดถึง 1,500 กิโลเมตร ต่อการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้ง (น้ำมันเบนซินและแก๊ส LPG) และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานได้มากถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินปกติ
Duster
งานออกแบบภายนอกยังคงใช้ร่วมกันกับรุ่นปกติ สำหรับ Duster ยังได้รับการอัปเกรดเล็กน้อย เช่น เบาะคนขับเพิ่มระบบปรับดันหลัง (Lumbar Support) ในรุ่น Journey และล้ออัลลอยสีดำใหม่ในรุ่น Extreme
ไฮไลท์คือการเปลี่ยนหัวใจหลักของระบบขับเคลื่อนได้แก่เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Mild-Hybrid 48V ให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้า และแรงบิด 230 นิวตัน-เมตร พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลังซึ่งให้พละกำลังเพิ่มอีก 31 แรงม้า และแรงบิด 87 นิวตัน-เมตร ส่งผลให้กำลังรวมทั้งหมดอยู่ที่ 152 แรงม้า จัดว่าเป็นหนึ่งในขุมพลังที่แรงที่สุดของ Duster และ Bigster เลยทีเดียว

Bigster
ด้านระบบส่งกำลัง Dacia เลือกใช้ เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 6 จังหวะ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ถือเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังยังมาพร้อมเกียร์ 2 จังหวะเฉพาะตัวและสามารถตัดการขับเคลื่อนเพลาหลังเพื่อช่วยประหยัดพลังงานได้
เพื่อรองรับการขับขี่ทุกสภาพเส้นทาง รถยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ถึง 6 รูปแบบ ได้แก่ Auto Eco Snow Mud/Sand Lock และ Hill Descent Control โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อสามารถทำงานได้ถึงความเร็วสูงถึง 140 กม./ชม.
Duster
ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V ความจุ 0.84 kWh ที่ชาร์จด้วยระบบเบรกแบบ Regenerative Braking ซึ่ง Dacia ระบุว่าสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้มากถึง 60% ในการขับขี่ในเมือง
สำหรับถังเชื้อเพลิงมีให้ถึง 2 ถัง คือถังน้ำมันเบนซินและถัง LPG ความจุ 50 ลิตร รวมแล้วสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 1,500 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ยิ่งไปกว่านั้น หากใช้ในประเทศที่ LPG มีราคาถูก เช่น ฝรั่งเศส (ราว 0.97 ยูโร/ลิตร) ต้นทุนการใช้งานจะถูกลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นเบนซิน Mild-Hybrid 130 4×4 ได้ถึง 30%

Bigster
Dacia ยืนยันว่า Duster Hybrid-G 150 4×4 และ Bigster Hybrid-G 150 4×4 จะพร้อมให้สั่งจองในตลาดยุโรปภายในสิ้นปีนี้ ส่วนราคาจะประกาศภายหลัง ขณะเดียวกัน บริษัทยังเผยแผนปรับไลน์อัพเครื่องยนต์ของ Duster ให้สดใหม่ภายในปี 2026 โดยเพิ่มรุ่น Eco-G 120 Mild-Hybrid 140 และ Hybrid 155 พร้อมยุติการใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเดิม เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของความประหยัดและสมรรถนะที่ดีกว่าเดิม
ที่มา: Carscoops
