เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ได้มีการเปิดตัว Polestar 5 โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถต้นแบบ Precept Concept มาสู่รุ่นผลิตจริงโดยมีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ทีมออกแบบของ Polestar ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากอุตสาหกรรมการบินสู่รถซีดาน Grand Tourer ขุมพลังไฟฟ้าความยาว 5 เมตร ด้วยเส้นสายเรียบหรู สะอาดตา โดดเด่นด้วยเส้นสายทรงปีกเคื่องบินที่เพรียวลม พร้อมด้านท้ายแบบ Kamm-tail เพื่อประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์สูงสุด
ด้านหน้ามาพร้อมเส้นสายเอกลักษณ์ SmartZone และไฟหน้า Pixel LED แบบใบมีดคู่ ขณะที่สัดส่วนฝากระโปรงและล้อหน้าเชื่อมกันอย่างลงตัว ซึ่งเกิดจากการออกแบบระบบกันสะเทือนด้านหน้าใหม่ เส้นสายตัวถังเสริมด้วยชุดตกแต่งสีดำมันหรือสี Shade ที่ทำให้ตัวรถสูงเพียง 142 ซม. ดูปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น กระจกบานใหญ่และเส้นหลังคาลู่โค้งเสริมภาพลักษณ์คล้ายปีกเครื่องบิน
แม้ดีไซน์เน้นความเพรียวบาง แต่พื้นที่โดยสารด้านหลังไม่ได้ถูกลดทอนลงไป Polestar ใช้โครงสร้างเสาหลังคาย้ายไปด้านหลัง พร้อมเทคโนโลยีกระจกมองหลังดิจิทัลและหน้าต่างเสมือนจริงแบบใน Polestar 4 เสริมด้วยหลังคากระจก Panoramic roof ขนาดใหญ่ที่สุดของ Polestar ความยาวกว่า 2 เมตร กว้าง 1.25 เมตร ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งสว่าง
ท้ายรถติดตั้งแถบไฟพิเศษพร้อมครีบระบายอากาศและดิฟฟิวเซอร์ในตัว เพื่อลดแรงต้านอากาศ รวมถึงมือจับประตูแบบเรียบพับเก็บและกระจกไร้กรอบที่ช่วยให้ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd เพียง 0.24 (รุ่น Dual motor) มีให้เลือก 6 สีตัวถัง รวมถึงสีด้านแบบพิเศษ เช่น Storm (สีเทาเข้มทรงพลัง) และ Magnesium (สีเงินสว่าง)
ภายในห้องโดยสารแบบ 4+1 ที่นั่ง เน้นทั้งคนขับและผู้โดยสาร เบาะหน้าออกแบบร่วมกับ Recaro ให้มีต่ำแหน่งการนั่งต่ำสไตล์รถสปอร์ต แต่ยังคงความสบายแบบสวีเดน มาพร้อมวัสดุ MicroTech หรือหนังแท้ Nappa จาก Bridge of Weir ที่เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมอาหาร ปราศจากโครเมียม พร้อมระบบอุ่น ระบายอากาศ และนวดไฟฟ้าในตัว
ด้านหลังออกแบบให้เป็นเบาะคู่สุดหรูหรา พร้อมควบคุมระบบปรับอากาศ 4 โซน และมีฟังก์ชันระบบอุ่น ระบายอากาศ และนวดไฟฟ้าเช่นเดียวกับคู่หน้า และหากยกที่วางแขนขึ้นจะเปลี่ยนเป็นเบาะนั่งแถวกลาง ทำให้ Polestar 5 รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน
โครงสร้างแบตเตอรี่มีช่องเว้นเรียกว่า “Foot Garage” ทำให้ผู้โดยสารแถวหลังมีพื้นที่วางขามากขึ้น วัสดุภายในที่เน้นความยั่งยืน เช่น เส้นใยจากธรรมชาติ BCompTM และ ampliTexTM ซึ่งเบากว่าพลาสติกถึง 40% และใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลน้อยลงครึ่งหนึ่ง รวมถึงวัสดุรีไซเคิลอย่าง Econyl และ PET สำหรับพรมและเพดาน
ตำแหน่งการนั่งถูกออกแบบให้เอนต่ำและโอบล้อมผู้ขับ พร้อมหน้าปัด Digital ขนาด 9 นิ้วติดตั้งกับคอพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับระดับได้ จอ HUD ขนาด 9.5 นิ้ว และจอกลางแนวตั้งขนาด 14.5 นิ้วที่ควบคุมผ่านระบบ Android Automotive พร้อม Google Built-in
ระบบเครื่องเสียงเริ่มต้นมาพร้อม Polestar High Performance Audio จำนวน 10 ลำโพง หรือสามารถอัปเกรดเป็น Bowers & Wilkins 21 ลำโพง กำลังขับสูงสุดถึง 1,680 วัตต์ พร้อม Tweeter-on-Top และระบบตัดเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Active Road Noise Cancellation) ห้องโดยสารเสริมความหรูหราด้วยไฟ Ambient แบบเส้นเลเซอร์รอบห้องโดยสาร รวมถึง Sound Bar ด้านหลัง เพิ่มมิติของเสียงและบรรยากาศพิเศษ
ด้านความปลอดภัย Polestar 5 มาพร้อม ADAS 29 ฟังก์ชัน รวมถึง Pilot Assist ที่ควบคุมความเร็วและเลนที่ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ใช้กล้อง 11 ตัว เรดาร์ 1 ตัว เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และถุงลมนิรภัย 8 จุด
Polestar 5 พัฒนาบนโครงสร้างอะลูมิเนียมเชื่อมร้อนแบบใหม่ที่แข็งแกร่งและเบากว่าเหล็ก ช่วยเพิ่มความแข็งแรงบิด ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 13% และจากโรงถลุงพลังงานหมุนเวียน 83% ลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบดับเบิลวิชโบน และดิสก์เบรกหน้า 2 ชิ้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 400 มม. จาก Brembo ที่สามารถลดน้ำหนักได้ 12 กก. เมื่อเทียบกับ Polestar 3 รุ่น SUV พร้อมโช้กอัพแบบ MagneRide Adaptive ปรับตามสภาพถนนด้วยความเร็วกาปรระมวลผล 1,000 ครั้งต่อวินาที
Polestar 5 มี 2 รุ่นย่อย และทั้งคู่ใช้มอเตอร์คู่พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังที่พัฒนาเองให้กำลังสูงสุด 612 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกับมอเตอร์ที่ด้านหน้าจะได้พละกำลังสูงสุดในรุ่น Performance 888 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 1,015 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที
ขณะที่รุ่น Dual Motor มีกำลังสูงสุดลดลงเหลือ 748 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 812 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจากความเร็ว 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 250 กม./ชม. ทั้ง 2 รุ่นย่อย
สถาปัตยกรรมไฟฟ้าแรงดันสูง 800V รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 350 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 22 นาที ความจุแบตเตอรี่รวม 112 kWh (ใช้งานจริง 106 kWh) ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 670 กม. (WLTP) ในรุ่น Dual Motor และ 565 กม. (WLTP) ในรุ่น Performance
Polestar 5 เปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2025 โดยมีราคาเปิดตัวในยุโรปดังนี้
- Polestar 5 Dual Motor ราคาเริ่มต้น 119,900 ยูโร หรือประมาณ 4,459,680 บาท
- Polestar 5 Performance ราคาเริ่มต้น 142,900 ยูโร หรือประมาณ 5,315,165
ที่มา: Polestar
