ถึงแม้ Mercedes-Benz จะยุติการจำหน่าย A-Class ไปแล้วในสหรัฐอเมริกา แต่ยังคงทำผลงานได้ดีในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในยุโรป ล่าสุดค่ายดาวสามแฉกจึงตัดสินใจขยายอายุตลาดของ A-Class ออกไปอีก 2 ปี จนถึงปี 2028 ซึ่งนับเป็นเวลาถึง 10 ปีหลังการเปิดตัว 

เดิมที Mercedes-Benz วางแผนจะก้าวสู่การเป็นค่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปี 2030 (กำหนดการเร็วที่สุดสำหรับบางตลาด) แต่แผนล่าสุดกลับสะท้อนออกมาว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในยังคงมีบทบาทไปอีกนาน และเพื่อปรับสมดุลกลยุทธ์นี้ Mercedes-Benz จึงเตรียมเปิดตัวรถรุ่นเริ่มต้นใหม่เพื่อสืบทอดความเป็น Baby Benz จาก A-Class

 

สาเหตุสำคัญมาจาก ช่องว่างด้านราคาจำหน่ายของ A-Class กับ CLA เจเนอเรชันใหม่ในเวอร์ชันขุมพลังไฟฟ้า โดยที่เยอรมนี A-Class มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ราว 34,400 ยูโร (ประมาณ 1,294,644 บาท) ขณะที่ CLA EV เปิดราคาจำหน่ายสูงถึง 56,000 ยูโร (ประมาณ 2,107,560 บาท) แม้ CLA เครื่องยนต์สันดาปจะมีราคาต่ำกว่า แต่ก็ยังทิ้งห่างหลายหมื่นยูโร ดังนั้นเมื่อ A-Class ออกไปจากตลาด รถ Mercedes-Benz รุ่นเริ่มต้นจะขยับไปอยู่ประมาณ 40,000 ยูโร (ประมาณ 1,505,400 บาท) เลยทีเดียว 

 

ข้อมูลจากสื่อยานยนต์ท้องถิ่น Automobilwoche ระบุว่า Mercedes-Benz ยืนยันการพัฒนารถรุ่นใหม่ที่วางตำแหน่งต่ำกว่า CLA โดย Mathias Geisen กรรมการบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย กล่าวอย่างชัดเจนว่า “เราจะต้องมีรถรุ่นเริ่มต้ตราคาจับต้องได้ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz อย่างแน่นอน”

แม้กำไรต่อคันของรถรุ่นเล็กจะไม่สูงเท่ารถหรูใน Segment บน แต่ยอดขายที่มากขึ้น จะช่วยสร้างสมดุลทางธุรกิจ อีกทั้งคู่แข่งรายหลักอย่าง BMW 1 Series และ Audi A3 ก็ยังคงทำตลาดต่อไป เพราะนี่คือสูตรสำเร็จที่แบรนด์พรีเมียมใช้กันมาหลายสิบปี

 

สำหรับรถรุ่นใหม่ราคามิตรภาพของ Mercedes ยังไม่ได้รับการยืนยันชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบใด สื่อเยอรมันคาดว่าอาจเป็นรถ Crossover ส่วน A-Class จะยังขายต่อไปทั้งแบบ Hatchback 5 ประตูและซีดาน 4 ประตู ไปจนถึงปี 2030 ขณะที่ B-Class มินิแวน เตรียมยุติการผลิตในปี 2026

นอกจากนี้ Mercedes ยังมีแบรนด์ Smart ภายใต้ความร่วมมือแบบ 50:50 กับ Geely ที่ผลิตในจีนทั้งหมด โดยกำลังจะมีรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเหมือนทายาทของ Smart ForTwo เปิดตัวช่วงปลายปี 2026 โดยรถรุ่นนี้จะเป็น EV ขนาดเล็กสุด แต่จะจำหน่ายเฉพาะบางตลาดและแทบไม่มีโอกาสเข้าสหรัฐอเมริกา

ที่มา: Motor1