Ford เปิดตัวรุ่นพิเศษ Everest Sport Bi-Turbo สำหรับปี 2026 ซึ่งจัดเป็นรถอเนกประสงค์ PPV ที่ทำตลาดในออสเตรเลียโดยเฉพาะ จุดเด่นคือการกลับมาของเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ พร้อมระบบอัพอากาศแบบ Bi-Turbo ภายหลังจากที่ Ford ได้ปรับไลน์อัปของ Everest ไปใช้เครื่องยนต์ V6 เพียงอย่างเดียวก่อนหน้านี้สำหรับตลาดออสเตรเลีย รุ่นพิเศษนี้จะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 700 คัน เท่านั้น โดยกำหนดการขึ้นไลน์การประกอบจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2025 นี้ก่อนเริ่มส่งมอบให้ลูกค้า
Everest Sport Bi-Turbo ถือว่าคุ้มค่าเพราะติดตั้งทั้งแพ็กเกจ Touring Pack และมาพร้อมสีตัวถัง Prestige Paint มาให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งเหนือกว่ารุ่น Everest Sport ขุมพลัง V6 เสียอีก ไฮไลต์ของรุ่น Sport คือการตกแต่งภายนอกแบบ black-out หรือลัทธิบูชาของดำ เช่น กระจังหน้า สีสัญลักษณ์ โลโก้ และล้ออัลลอยสีดำเฉพาะรุ่น
Everest Sport SPECIAL Edition
สำหรับออฟชั่นที่มากับ Touring Pack เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ กล้องรอบคัน 360 องศา ชุดพ่วงลากพร้อมระบบเบรกและระบบ Pro Trailer Backup Assist ที่ช่วยควบคุมการถอยรถพร้อมพ่วงได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นจุดขายสำคัญสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวด้วยรถพ่วงหรือคาราวาน
ขุมพลังของรุ่นนี้คือ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 207 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สำหรับผู้ที่ต้องการแรงม้ามากขึ้นยังมีตัวเลือก Sport V6 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 247 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตัน-เมตร
Ford เตรียมทำตลาด Everest Sport Bi-Turbo ด้วยสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีฟ้า Blue Lightning สีขาว Alabaster White สีดำ Shadow Black สีเทา Meteor Grey และสีเงิน Aluminum ส่วนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 75,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1,590,290 บาท) รวมค่าใช้จ่ายพร้อมขับออกจากโชว์รูม
ถึงแม้ว่า Everest จะได้รับความนิยมสูงในออสเตรเลีย แต่ Ford ยืนยันว่าจะไม่ทำตลาด SUV รุ่นนี้ในสหรัฐอเมริกา สำหรับโอกาสในการทำตลาดรุ่น Sport ที่มาพร้อมขุมพลัง Bi-Turbo ในประเทศไทย ต้องรอติดตามกันอีกครั้ง
ที่มา: Carscoops
