เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 Lexus ประกาศยุติการทำตลาดซีดานเรือธง LS ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ปิดฉากตำนานรถหรูที่ครองใจผู้ใช้มานานกว่า 36 ปี โดยจะส่งท้ายด้วยรุ่นพิเศษ Heritage Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 250 คันสำหรับสหรัฐฯ ถือเป็นการส่งท้ายตำนานรถหรูรุ่นแรกของแบรนด์ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลและได้วางรากฐานความสำเร็จให้กับแบรนด์เลกซัส
ย้อนกลับไปในปี 1989 Toyota ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในตลาดรถหรูด้วยการเปิดตัว Lexus LS 400 ซีดานขนาดใหญ่ที่แสดงให้โลกเห็นว่า ความหรูหราและคุณภาพระดับพรีเมี่ยมสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมาจากค่ายยุโรป
หลังจากการเปิดตัวครั้งแรก LS ได้รับความนิยมด้วยจุดขายที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง BMW Mercedes-Benz และ Jaguar นั่นคือ ความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับ Corolla แต่บรรจุอยู่ในบรรยากาศหรูหราที่ไม่เคยมีใครทำได้ พร้อมราคาจำหน่ายที่เข้าถึงง่าย
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของ LS ในสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง โดยในครึ่งแรกของปี 2025 ทำได้เพียง 691 คัน ลดลงถึง 42.3% เมื่อเทียบกับปี 2024 และต่ำกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับยุครุ่งเรือง ส่งผลให้ Lexus ตัดสินใจยุติการจำหน่าย LS ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป โดยก่อนจากลาได้จัดทำรุ่นพิเศษ Heritage Edition เพื่อเป็นการเคารพต่อความสำเร็จของตำนานของรุ่นแรก
Lexus LS Heritage Edition 2026 จะเป็นรุ่นย่อยเดียวของ LS ที่วางจำหน่ายในปีสุดท้าย มาพร้อมสีตัวถังใหม่ Ninety Noir สีดำเข้มพิเศษ พร้อมชุดแต่งโทนดำและล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สี Dark Gray Metallic ภายในโดดเด่นด้วยการตกแต่งโทนสีแดง Rioja Red ที่ย้อนบรรยากาศยุคปลายทศวรรษ 80s และ 90s พร้อมโลโก้ Heritage Edition แบบสลักบนคอนโซลกลางและวัสดุตกแต่งลายเส้นเงา LS ปักบนพนักพิงศีรษะ
ห้องโดยสารจัดเต็มด้วยออปชันระดับสูง ทั้งหลังคากระจกพาโนรามา ชุดตกแต่งลายไม้ Laser Special Black พร้อมบุเพดานและแผงบังแดดด้วยวัสดุ Ultrasuede พร้อมเบาะหลังอุ่นได้ ระบบเข็มขัดนิรภัยยกขึ้นอัตโนมัติ ชุดเครื่องเสียงสุดกระหึ่มจาก Mark Levinson 23 ลำโพง กำลังขับสูงสุด 2,400 วัตต์ และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Advanced Park รวมอยู่ในมาตรฐานทั้งหมด
ด้านขุมพลังยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.4 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้พละกำลังสูงสุด 416 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมดิฟเฟอเรนเชียลแบบลิมิเต็ดสลิป ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 4.6 วินาที ราคาเริ่มต้น 99,280 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,199,546 บาท) โดยจะเริ่มส่งมอบในช่วงปลายปีนี้
ถึงแม้ Lexus จะเตรียมยกเลิก LS แต่กลับไม่มีข้อมูลของตัวตายตัวแทนที่รับช่วงต่อ ได้แต่บอกเพียงว่า “ยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพัฒนารุ่นใหม่ในอนาคตได้” อย่างไรก็ตาม การยุติบทบาทของ LS ถือเป็นการปิดตำนานซีดานหรูที่เคยสร้างชื่อให้ Lexus กลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญในตลาดรถยนต์พรีเมียมระดับโลก
ที่มา: Carscoops
