มาสด้าประกาศอัปเดตไลน์อัปของ BT-50 กระบะพันธุ์แกร่งในตลาดออสเตรเลีย โดยการเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรเดิมมาเป็นขุมพลังใหม่ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบดีเซล 4 สูบ ที่ให้สมรรถนะมากกว่าเดิม พร้อมเสริมประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันและกำลังลากจูง ถือเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับรุ่นเริ่มต้นของกระบะรุ่นนี้
เครื่องยนต์ใหม่นี้เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศไทยภายใต้บอดี้ของ Isuzu D-Max และ Isuzu MU-X ก่อนจะถูกนำมาใช้กับ Mazda BT-50 เวอร์ชันไทย และล่าสุดได้เดินทางมาถึงตลาดออสเตรเลียในปีนี้
เครื่องยนต์รหัส RZ4F-TC ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.2 ลิตร 2,164 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 83 x 100 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.9 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแรงดันสูง 250 MPa ผ่านราง Commonrail พร้อม Intercooler พ่วงระบบอัดอากาศ E-VGS Turbo (ควบคุมเวสท์เกทด้วยไฟฟ้า) กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที
เท่ากับว่าแรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 13 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 50 นิวตัน-เมตร เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 ลิตรที่ถูกแทนที่
เพื่อรองรับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น มาสด้าจับคู่เครื่องยนต์ใหม่นี้กับ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แทนที่เกียร์ลูกเก่าที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังหรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแล้วแต่รุ่นย่อย ผลลัพธ์คือการขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้นและสมรรถนะที่ตอบโจทย์งานบรรทุกและลากจูง โดย BT-50 ทุกรุ่นได้รับการปรับปรุงให้รองรับการลากพ่วงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ของกลุ่มกระบะขนาดกลาง
ด้านความประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ 2.2 ลิตรใหม่นี้ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง 0.7 ลิตรต่อ 100 กม. และลดการปล่อย CO₂ ได้มากสุด 17 กรัม/กม. แม้ว่าในรุ่นพื้นฐาน Single Cab Chassis XS ความต่างจะอยู่เพียงเล็กน้อย (0.1 ลิตร/100 กม. และ 1 กรัม/กม. CO₂) แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าเครื่องยนต์เดิม
สำหรับลูกค้าที่ต้องการสมรรถนะสูงกว่า มาสด้ายังคงมีเครื่องยนต์ ดีเซล 3.0 ลิตร ให้เลือก ซึ่งให้กำลังสูงสุด 187 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร โดยรุ่นนี้ได้รับการเพิ่ม Idle Stop System ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ 0.2 – 0.9 ลิตร/100 กม. ทั้งนี้ ทำให้ BT-50 มีทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์และผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในการใช้งานอเนกประสงค์
ในตลาดออสเตรเลีย เครื่องยนต์ 2.2 ลิตรจะถูกจำกัดเฉพาะรุ่นเริ่มต้น BT-50 XS เท่านั้น โดยลูกค้าสามารถเลือกตัวถังได้ทั้งแบบ Single Cab Chassis Dual Cab Chassis และ Dual Cab Pickup รุ่นแชสซีใช้ล้อเหล็กขนาด 17 นิ้ว ขณะที่รุ่นปิกอัพใช้ล้ออัลลอยขนาดเท่ากัน มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน เช่น ไฟหน้า LED หน้าจอ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto ไร้สาย กล้องมองหลังและระบบ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
การส่งมอบ Mazda BT-50 รุ่นอัปเดตนี้จะเริ่มในเดือนตุลาคม 2025 โดยรุ่นเครื่องยนต์ 2.2 ลิตรมีราคาสูงกว่าเดิมเพียง 1,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 32,059 บาท) แต่ยังคงถูกกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 3.0 เพื่อเป็นการทำให้ BT-50 ใหม่เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าทั้งด้านราคา สมรรถนะ และการใช้งานจริงในกลุ่มกระบะขนาดกลาง
ที่มา: Carscoops
