เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของ Honda CR-V รถ SUV รุ่นยอดนิยมที่ทำตลาดทั่วโลกตั้งแต่ปี 1995 ฮอนด้าจึงได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ “Global 30th Anniversary Edition” สำหรับตลาดจีน เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จ โดยเน้นการเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีล้ำสมัย

 

ในประเทศจีน CR-V รุ่นตัวถัง Global model ถูกผลิตโดย Dongfeng Honda และมีคู่แฝดคือ Honda Breeze ที่ประกอบโดย GAC Honda ทั้งสองรุ่นมีพื้นฐานงานวิศวกรรมเดียวกัน โดยรุ่น 30th Anniversary Edition ยังคงใช้โครงสร้างและเส้นสายเดียวกับ CR-V มาตรฐาน เสริมด้วยไฟหน้า LED มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Active Grille ที่ช่วยควบคุมการไหลเวียนอากาศเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง รวมถึงการเปลี่ยนบอดี้พาร์ทให้เป็นสีเดียวกับตัวรถในรุ่น Hybrid พร้อมล้ออัลลอยที่มีให้เลือกตั้งแต่ 17 18 จนถึง 19 นิ้วตามแต่ละรุ่นย่อย

 

ภายในห้องโดยสาร คือจุดที่สร้างความแตกต่างจาก CR-V รุ่นอื่นๆ ทั่วโลก ทุกรุ่นย่อยติดตั้งหน้าจอมาตรวัด Full Digital ขนาด 10.2 นิ้ว และหน้าจอกลาง AMOLED ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ใหญ่กว่าทุกตลาด (ที่มีขนาดเพียง 9 นิ้ว) พร้อมหลังคากระจก Panoramic roof แบบเต็มบาน เพิ่มความโปร่งโล่งและหรูหราในสไตล์รถครอบครัวรุ่นพรีเมียม 

 

ภายในมาพร้อมกับเบาะคู่หน้าพร้อมระบบอุ่นและระบายอากาศ เบาะหลังพร้อมระบบอุ่น พวงมาลัยพร้อมระบบอุ่น และตัวเลือกเบาะแบบ 5 หรือ 7 ที่นั่ง ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวใหญ่ ขณะที่รุ่นท็อปยังเสริมด้วยฝาท้ายไฟฟ้า แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 50W เครื่องเสียง Bose 12 ลำโพง หน้าจอ Head-up Display และระบบความปลอดภัย Honda Sensing 360+ ที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันการชน ระบบควบคุมรถอัตโนมัติบนถนน และระบบช่วยขับขั้นสูง

 

ด้านสมรรถนะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นปกติ โดยมีให้เลือก 2 ทางเลือก คือ รุ่นเบนซินเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 243 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือแบบ 4 ล้อ AWD และรุ่น e:HEV เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวม 181 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตัน-เมตร พร้อมตัวเลือกขับเคลื่อนล้อหน้าและสี่ล้อเช่นเดียวกัน

 

ราคาขายในจีน ถือเป็นสิ่งที่สร้างความเซอร์ไพรส์มากที่สุด เนื่องจากถูกกว่าที่อเมริกาอย่างเห็นได้ชัด รุ่นเครื่องเบนซินเริ่มต้นเพียง 145,900 หยวน (ประมาณ 663,904 บาท) และรุ่นท็อปอยู่ที่ 191,900 หยวน (873,223 บาท) ส่วนรุ่นไฮบริดตั้งแต่ 159,900–209,900 หยวน (727,704–955,052 บาท) ซึ่งถือว่าถูกกว่าตลาดสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆทั้งหมด

ที่มา: Carscoops