เทรนด์รถเหลี่ยมสันโดยเฉพาะกับรถ SUV ทรงกล่องกำลังได้รับความนิยมจนฉุดไม่อยู่ และเทรนด์นี้ก็ยังส่งต่อมายัง Dacia แบรนด์รถยนต์สัญชาติโรมาเนียในเครือ Renault ที่เน้นคุณภาพพร้อมความเรียบง่ายในราคาที่เข้าถึงได้มากที่สุดในยุโรป หลังประสบความสำเร็จกับรุ่นอย่าง Duster และ Bigster จนติดชาร์ทรถขายดีมานักต่อนัก

 

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2025 Dacia ได้เปิดตัวรถต้นแบบ Hipster รถ SUV ขนาดกะทักรัดขุมพลังไฟฟ้าล้วน ที่มีขนาดสั้นกว่ารถทุกรุ่นในค่าย โดยตั้งโจทย์มาเพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการงานออกแบบที่เข้าถึงได้ เน้นการใช้งานที่คุ้มค่า และมีขนาดที่เหมาะสมกับการเดินทางในเมืองยุโรป

 

Hipster มาพร้อมสัดส่วนตัวถังขนาดจิ๋วเพียง 3 เมตร สั้นกว่ารถ Kei-car ของญี่ปุ่นเสียอีก และให้ภาพลักษณ์คล้าย Honda N-Box เวอร์ชันอนาคตแต่มาในตัวถังที่เล็กกว่า มีความสูงเพียง 1.53 เมตร กว้าง 1.55 เมตร และมีน้ำหนักไม่ถึง 800 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่ารถ BEV ทั่วไปหลายเท่า

 

แม้ตัวจะเล็กแต่ Dacia ยืนยันว่า Hipster สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุด 4 ที่นั่งและมาพร้อมพื้นที่เก็บของท้ายรถความจุ 70 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง ความจุจะเพิ่มขึ้นถึง 500 ลิตร เพียงพอต่อการขนของใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม Dacia ยังไมไ่ด้เผยความจุแบตเตอรี่ แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เบา Dacia ระบุว่ารถคันนี้สามารถใช้งานในเขตเมืองได้สบายตลอดทั้งสัปดาห์ โดยชาร์จเพียง 2 ครั้งเท่านั้น

 

ในแง่ของการออกแบบและต้นทุน Hipster ยังคงแนวคิด “ประหยัดและเรียบง่าย” ตามแบบฉบับของ Dacia เช่น ไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมที่ติดตั้งอยู่ด้านในกระจกท้ายเพื่อลดจำนวนชิ้นส่วนและที่จับประตูถูกแทนที่ด้วยสายดึงเปิดทำจากผ้าคล้ายกับใน Porsche 911 GT3 RS ซึ่งทั้งเบาและถูกกว่า นอกจากนี้ยังใช้เบาะนั่งด้านหน้าแบบยาว (fbench seat) พร้อมพนักพิงศีรษะแบบแยกชิ้นที่แขวนอยู่เหนือเบาะ เพื่อลดต้นทุนลงอีกระดับ

 

แม้ภายในจะดูมินิมอลแต่ก็ยังคำนึงถึงความปลอดภัย โดยติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าให้ทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสาร ขณะเดียวกันยังเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วย จุดยึดอุปกรณ์ (anchor points) มากถึง 11 จุด เพื่อให้ผู้ใช้ติดตั้งของเสริมได้หลากหลาย เช่น ที่วางแก้วไฟฟ้า ลำโพง Bluetooth หรือแม้แต่ที่วางแขน

 

Dacia Hipster สะท้อนแนวคิดที่น่าสนใจของการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ โดยเน้นการเป็นรถที่มอบทุกสิ่งที่จำเป็นโดยไม่เพิ่มน้ำหนักและความซับซ้อน หรือราคาขายเกินจำเป็น ถือเป็นวิวัฒนาการจากทางฝั่งยุโรปที่ต่อยอดแนวคิด Kei-car จากญี่ปุ่น และเปิดตัวในจังหวะเดียวกับที่สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่สำหรับรถ EV ขนาดเล็กพิเศษ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและอาจทำให้ราคาจำหน่ายต่ำกว่า 20,000 ยูโร (ประมาณ 7.5 แสนบาท) ได้ในอนาคต

ที่มา: Motor1