Honda ฉลองวาระครบรอบ 30 ปีของรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ยอดนิยมระดับโลก “Honda CR-V” นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1995 โดยเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นก่อนขยายตลาดไปยังกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน CR-V มียอดขายสะสมทะลุ 15 ล้านคัน ตอกย้ำความสำเร็จของหนึ่งในรุ่นสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮอนด้า
ชื่อ “CR-V” มาจากคำว่า Comfortable Runabout Vehicle หรือรถอเนกประสงค์ที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและคล่องตัว เปิดตัวครั้งแรกในปี 1995 ในฐานะรถรุ่นที่สองในแนวคิด “Creative Mover” ของฮอนด้า ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้คนสร้างสรรค์วิถีชีวิตใหม่ ๆ รุ่นแรกของ CR-V นับเป็นผู้บุกเบิกแนวคิด “Urban SUV” ที่ผสมผสานการขับขี่ง่ายในเมือง ความอเนกประสงค์ และความสบายได้อย่างลงตัว
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา CR-V ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละยุค และขยายตลาดไปทั่วโลก ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2024 ฮอนด้าได้เปิดตัว CR-V e:FCEV ซึ่งเป็นรถยนต์ฟิวเซลรุ่นแรกจากผู้ผลิตญี่ปุ่น3 ที่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้4 โดยนับถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ CR-V มียอดขายสะสมทั่วโลกถึง 15 ล้านคัน และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2015–2024) ยังครองตำแหน่งรถยนต์ฮอนด้าที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลกอีกด้วย
รุ่นที่ 6 ของ CR-V เปิดตัวในปี 2022 มาพร้อมการออกแบบที่ทรงพลังและหรูหรา ห้องโดยสารกว้างขวาง และระบบขับเคลื่อนสองมอเตอร์ e:HEV ที่ได้รับเสียงตอบรับดีเป็นพิเศษจากตลาดอเมริกาเหนือและจีน ขณะเดียวกัน ฮอนด้าเตรียมนำ CR-V e:HEV Prototype มาโชว์เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นภายในงาน Japan Mobility Show 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2025 นี้
CR-V 1st generation (RD1-RD3) ปี 1995
เปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นบ้านเกิดในฐานะ Honda Creative Mover รุ่นที่สอง โดยผสานความคล่องตัวแบบรถยนต์นั่งเข้ากับห้องโดยสารที่กว้างขวาง ภายในมีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น โต๊ะพับในแผงประตูด้านหลังที่ทำหน้าที่เป็นแผ่นปูพื้นสัมพาระด้านท้ายไปในตัว การออกแบบทรงกล่องที่มีพื้นที่กระจกโปร่งโล่งเกินขนาดตัวถัง มีจุดเด่นคือประตูด้านท้ายสามารถเปิดแบบแยกส่วนได้ และไม่ลืมที่จะติดตั้งล้ออะไหล่ไว้ตามสไตล์ตัวลุย Off-Road ตัวจริง อย่างไรก็ตามด้วยคุณสมบัติตัวรถ ยังคงจัดให้อยู่ในประเภท “Urban SUV” หรือรถเอนกประสงค์สำหรับการใช้งานในเมือง ซึ่งอาจลุยสภาพถนนโหดๆ หนักๆได้ไม่ถึงกับดีเทียบเท่า On & Off Road SUV
รุ่นแรก วางเครื่องยนต์ B20B เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,973 ซีซี 127 แรงม้า (PS) ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.34 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที พอเป็นรุ่นปรับโฉมใหญ่ Minorchange ก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ B20Z ซึ่งก็คือ การนำเครื่องยนต์ B20B มาปรับปรุง และเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที โดยมีแรงบิดสูงสุดเท่าเดิม ในตลาดโลก มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ
รุ่นแรกนี้เริ่มมีการส่งออกไปจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นทั้งในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1997 ก่อนจะขยายตลาดไปยัง ยุโรปและเอเชีย ในเวลาต่อมา รวมไปถึงประเทศไทยเมื่อปี 1996 ในรูปแบบนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน ก่อนที่จะเปลี่ยนมาประกอบในประเทศที่โรงงานโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความสำเร็จของรุ่นนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นของการขยายตลาด SUV ของ Honda สู่ระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ และได้วางรากฐานให้กับแนวคิด SUV ยุคใหม่ที่ผสมผสานความอเนกประสงค์ เข้ากับความสะดวกสบายในการขับขี่แบบรถเก๋งอย่างลงตัว
CR-V 2nd generation (RD4-RD7) ปี 2001
เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2001 คล้อยหลัง
เหตุการณ์ วินาศกรรมใหญ่ เครื่อบินพุ่งชนตึก World Trade Center ที่ New York เพียงแค่ 1 สัปดาห์ เท่านั้น แต่ Honda ยังตัดสินใจ เดินหน้าการเปิดตัวต่อไป ทั้งในญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เพื่อยืนหยัดให้โลกรู้ว่า ทุกสรรพสิ่ง ยังต้องดำเนินต่อไปตามปกติ รถรุ่นนี้ เข้ามาเปิดตัวในเมืองไทย วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2002 โดยมีการขัดเกลางานออกแบบให้มีความเหลี่ยมสัดในบางส่วน ขณะเดียวกันก็เพิ่มความโค้งมนที่ด้านหน้า เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น สำหรับประเทศไทยมีเคสเรียกร้องเรื่องปัญหาคุณภาพหรือที่คุ้นหูกันในนาม “รุ่นเดือนเพ็ญ” ที่ออกมาทุบรถโชว์เรียกกระแสลบกันไปได้ยกใหญ่ แต่ในท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถทำลายชื่อเสียงในภาพรวมของรถอเนกประสงค์ที่ครองใจคนไทยเป็นรุ่นที่ 2 จนได้
CR-V เจเนอเรชัน 2 สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Civic ES หรือรุ่น Dimension เป็นรุ่นแรกที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน ตระกูล K ที่มีระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC (Variable Valve Timing and Lift Electronic Control) มาใช้เป็นครั้งแรก มี 2 ขนาด คือ K20A บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.56 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที และรหัส K24A บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,354 ซีซี 160 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.41 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที ในตลาดโลกมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ แต่เวอร์ชันไทย มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ขณะที่ใน ยุโรป จะเพิ่มเครื่องยนต์ Diesel รหัส N22A 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,204 ซีซี พ่วง Turbocharger มาให้ 140 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 34.64 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 หรือ 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4 หรือ 5 จังหวะ ตามแต่ละประเทศที่ส่งเข้าไปขายอีกด้วย
CR-V 3rd generation (RE1–RE5 และ RE7) ปี 2006
เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรกในโลกเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2006 จากนั้น จึงค่อยเปิดตัวในบ้านเกิดประเทศญี่ปุ่นตามมาในวันที่ 12 ตุลาคม 2006 ส่วนเมืองไทยมีการเปิดตัวรถรุ่นนี้เป็นประเทศที่ 3 ในโลก เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2006 เป็นการชี้ชัดว่า CR-V มีความสำคัญกับตลาดอเมริกาและไทยมากเพียงใด
เจเนอเรชันที่ 3 เปลี่ยนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร DOHC มาเป็นตระกูลใหม่ รหัส R20A บล็อก 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่วนรุ่น 2.4 ลิตร เปลี่ยนมา ใช้ขุมพลังรหัส K24Z1 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,354 ซีซี i-VTEC 170 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่วนเครื่องยนต์ Diesel ในตลาดยุโรป ยังเป็นเครื่องยนต์ N22A เหมือนเดิม มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ อัตโนมัติ 5 จังหวะ แต่สำหรับเมืองไทย มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ลูกใหม่ เท่านั้น
CR-V 4th generation (RM1-4 และ RE5-6) ปี 2011
เจเนอเรชั่นที่ 4 ยังคงถูกสร้างขึ้น บนพื้นฐานโครงสร้างวิศวกรรมร่วมกับเจเนอเรชันที่ 3 หลายจุด
ถึงกระนั้น ก็ยังมีการปรับปรุงรายละเอียดหลักๆ เพื่อยกระดับให้การขับขี่ให้ถูกใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย มากขึ้น ตามความต้องการในแต่ละภูมิภาคซึ่งแตกต่างกัน แต่แน่นอนว่ารายละเอียดทางเทคนิคหลักๆ ของ CR-V ใหม่ ในแต่ละเวอร์ชัน ที่ส่งขายในแต่ละประเทศจะใช้เครืองยนต์ ระบบส่งกำลัง รูปแบบช่วงล่าง และระบบห้ามล้อ ที่ เหมือนๆกัน คล้ายกันหรือต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เวอร์ชันไทยของ CR-V ใหม่ ยังคงมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด เหมือนเช่นเดิม เริ่มกันด้วยเครื่องยนต์สำหรับรุ่น 2.4 ลิตร ยังคงใช้ขุมพลังเดิม รหัส K24A บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,354 ซีซี กระบอสูบ x ช่วงชัก 87.0 x 99.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC ในเมื่อยกมาจาก CR-V รุ่นเดิม กำลังสูงสุด ก็เลยยังคงเหมือนเดิมคือ 170 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที
ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร ก็ยังคงใช้ขุมพลังเดิมเหมือนกัน รหัส R20A บล็อก 4 สูบ SOHC 1,997 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 81.0 x 96.9 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC เวอร์ชันเดียวกับ Civic FB ใหม่ แต่ถูกปรับปรุงยกระดับความแรงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จากเดิม 150 แรงม้า (PS) เป็น 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม.ที่ 4,300 รอบ/นาที
CR-V 5th generation (RW1-8 RT5-6 และ RY1-2) ปี 2016
ถือว่าเป็น CR-V รุ่นแรกที่มีทางเลือกขุมพลัง Hybrid นับเป็นอีกก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของรถ SUV รุ่นนี้ โดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน Hybrid แบบมอเตอร์คู่ “SPORT HYBRID i-MMD” ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ราบรื่น ควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง นอกจากนี้ในตลาดญี่ปุ่น CR-V รุ่นนี้ยังถือเป็น รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ซึ่งช่วยยกระดับทั้งด้านความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ให้สูงยิ่งขึ้น
ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านเทคโนโลยี การขับเคลื่อน และความปลอดภัย CR-V มียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 10 ล้านคันในปี 2018 ซึ่งตอกย้ำสถานะของรถรุ่นนี้ในฐานะหนึ่งใน SUV ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง
CR-V 6th generation (RS) ปี 2022
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ทรงพลังและล้ำสมัยแล้ว CR-V รุ่นล่าสุดยังมาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกลได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดแบบมอเตอร์คู่ e:HEV ซึ่งมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน ระบบนี้ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้ทั้งความเร้าใจในการขับขี่และประสิทธิภาพเชื้อเพลิงสูงสุด
ด้วยความโดดเด่นด้านการออกแบบและเทคโนโลยี ระบบขับเคลื่อน e:HEV ของ CR-V ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากผู้ใช้ทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่าง อเมริกาเหนือและจีน ที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ไม่เพียงเพราะพละกำลังและความนุ่มนวลในการขับเคลื่อน แต่ยังเพราะความรู้สึกมั่นใจที่รถมอบให้ในทุกสภาพถนน
Honda CR-V ยังคงสืบสานแนวคิด “Comfortable Runabout Vehicle” อย่างแท้จริง ด้วยการผสมผสานระหว่างความสะดวกสบาย ความอเนกประสงค์ และเทคโนโลยีล้ำสมัย รถรุ่นนี้จึงยังคงเป็นหนึ่งใน SUV ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก และเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จของ Honda ในการสร้างยานยนต์ที่ตอบโจทย์คนทุกยุคทุกสมัย
CR-V e:FCEV ปี 2024
นี่คือรถรุ่นแรกจากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี ฟิวเซลล์ (Fuel Cell Vehicle) แบบ Plug-in ซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแหล่งไฟภายนอกได้โดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญของ Honda ในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์พลังงานสะอาดระดับโลก รถรุ่นนี้พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 ซึ่งทำตลาดอยู่ในอเมริกาเหนือ จีน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
การออกแบบและวิศวกรรมของรุ่นใหม่นี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของ CR-V เอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งความอเนกประสงค์ การใช้งานที่ง่าย และพื้นที่ห้องโดยสารอันกว้างขวาง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ลูกค้าทั่วโลกชื่นชอบ พร้อมตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหารถ SUV ที่ทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ด้วยเทคโนโลยีฟิวเซลล์แบบเสียบปลั๊กได้ (Plug-in FCV) Honda ได้เปิดมิติใหม่ให้กับการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ซึ่งผสานข้อดีของรถไฟฟ้าและรถไฮโดรเจนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งด้านความสะดวกในการใช้งาน การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ และสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและต่อเนื่อง
ที่มา: Honda
