บริษัท Capricorn Group จากเยอรมนี ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์สปอร์ตในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับทีมแข่งระดับโลกทั้ง Formula 1 LMP1 และ World Endurance Championship ได้เปิดตัวผลงานชิ้นโบแดงคันแรกของตนในรูปแบบซูเปอร์คาร์รุ่นพิเศษชื่อว่า Capricorn 01 Zagato รถที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการขับขี่แบบดิบขนานแท้ โดยไม่เน้นเทคโนโลยีจอสัมผัสหรือระบบ Digital ล้ำสมัย แต่มุ่งเน้นอารมณ์และความรู้สึกหลังพวงมาลัยอย่างแท้จริง
Capricorn 01 Zagato เป็นรถเครื่องวางกลางขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่ออกแบบโดยสำนัก Zagato ผู้เชี่ยวชาญด้าน Coach Builder ชื่อดังจากอิตาลี มาพร้อมดีไซน์ภายนอกเน้นความเรียบหรูแต่ทรงพลัง ไม่มีสปอยเลอร์หรือปีกขนาดใหญ่ แต่ใช้หลักการการจัดการกระแสลมภายในตัวรถและพื้นใต้ท้องเพื่อสร้างแรงกดหรือ Downforce อย่างสมดุลทั้งคัน
ภายในห้องโดยสารสะท้อนแนวคิด “Analog is Art” ได้อย่างชัดเจน ไม่มีหน้าจอใดๆ มีเพียงมาตรวัดเข็ม 3 วงหลังพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ที่มีปุ่มเพียงสองปุ่ม ได้แก่ ปุ่มสตาร์ทเครื่องและโหมดการขับขี่ เบาะนั่งเป็นแบบปรับไม่ได้ แต่สามารถปรับระยะของแป้นเหยียบ พวงมาลัย และคันเกียร์ได้ตามความเหมาะสม ลักษณะเดียวกับรถแข่ง เพื่อให้เบาะนั่งผู้ขับขี่มีความแน่นหน้ามากที่สุด โดยคันเกียร์สามารถขยับในแนวยาวได้ถึง 3.1 นิ้ว ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เปลือย ผสมผสานวัสดุไทเทเนียมและอะลูมิเนียมแท่งตัน ส่วนเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Connolly และ Alcantara พร้อมทางเลือกให้ลูกค้าปรับแต่งเองได้
ใต้ฝากระโปรงหลังซ่อนขุมพลังเบนซิน V8 ความจุ 5.2 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จเจอร์จาก Ford ให้พละกำลังสูงสุด 888 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะแบบ Dogleg ไปยังล้อคู่หลัง สามารถเร่งจากคามเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 360 กม./ชม.
ระบบขับเคลื่อนของ 01 Zagato ใช้ชิ้นส่วนเฉพาะตัวหลายรายการ เช่น ระบบหล่อลื่นแบบแห้ง (Dry sump) เพลาข้อเหวี่ยงและลูกสูบที่ออกแบบขึ้นพิเศษ ระบบสมองกล ECU ปรับแต่งมาเฉพาะ และซอฟต์แวร์ ABS ที่พัฒนาใหม่ พร้อมระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกจาก Brembo ติดตั้งอยู่ภายในล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบอัลลอยน้ำหนักเบาและทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
โครงสร้างหลักของ 01 Zagato เลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน รวมถึงโมโนค็อกและซับเฟรมหน้า-หลัง ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบดับเบิลวิชโบนพร้อมโช้กอัพจาก Bilstein ทั้งหน้าและหลัง Capricorn Group จะเริ่มเดินสายพานการผลิตในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 โดยจะผลิตจำกัดจำนวนเพียง 19 คันทั่วโลก วางจำหน่ายแค่เฉพาะในยุโรป โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.95 ล้านยูโร หรือประมาณ 125 ล้านบาท
ที่มา: Motor1
