Volkswagen เตรียมปลดระวางรถ SUV เรือธง Touareg รุ่นเครื่องยนต์สันดาป ภายในปี 2026 หลังโลดแล่นอยู่บนถนนโลกมายาวนานกว่า 23 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2002 เพื่อปูทางสู่ยุคขุมพลังไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ และเพื่อเป็นการปิดตำนานอย่างสมศักดิ์ศรี จึงเปิดตัวรุ่นพิเศษ Touareg FINAL EDITION ที่จะเปิดให้สั่งจองได้ถึงมีนาคม 2026 โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 75,025 ยูโร (ประมาณ 2.97 ล้านบาท)

 

รุ่น FINAL EDITION นี้ถูกตกแต่งให้หรูหราและโดดเด่นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา ทั้งภายนอกและภายใน มีเพลท “FINAL EDITION” แบบเลเซอร์บนกรอบกระจกประตูหลังและลายนูนบนหัวเกียร์ วัสดุหนังภายในห้องโดยสารตกแต่งหรูพร้อมไฟ Ambient Light แบบ Multicolor รวมถึงโลโก้เรืองแสง “FINAL EDITION” บนแดชบอร์ดและแผงกันสไลด์ข้างประตู เป็นการผสานเทคโนโลยีและความพรีเมียมในสไตล์ Touareg อย่างแท้จริง

 

ตลอดระยะเวลาสองทศวรรษ Touareg ถือเป็น SUV หรูรุ่นแรกของ Volkswagen ที่พาแบรนด์ก้าวเข้าสู่เซกเมนต์พรีเมียมเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้เล่นรายใหญ่ โดยมีพี่น้องร่วมยุคอย่าง Phaeton ซีดานหรูเป็นคู่เปิดตลาด ในปัจจุบัน Touareg ยังคงเป็นรถเรือธงแห่งเทคโนโลยีของค่าย ด้วยระบบช่วงล่างสุดล้ำ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง รุ่นล่าสุดอย่าง Touareg R eHybrid คือรถที่แรงที่สุดของ Volkswagen ในตอนนี้ ด้วยกำลังรวม 462 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร

 

Touareg รุ่นแรก (2002–2009) โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซล V10 TDI ขนาด 5.0 ลิตร 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบช่วงล่างถุงลม CDC ที่ปรับระดับได้ถึง 6 ระดับและผ่านน้ำลึก 58 ซม. ได้อย่างมั่นใจ

 

Touareg ยังเป็นหนึ่งในรถที่มีตำนานการแข่งขันระดับโลกทั้งรุ่น Race Touareg ที่คว้าชัยใน Dakar Rally ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน (2009–2011) และ Touareg Stanley รถไร้คนขับที่ชนะการแข่งขัน DARPA Grand Challenge ปี 2005 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีโมเมนต์ระดับโลกในปี 2006 เมื่อ Touareg V10 TDI ลากเครื่องบิน Boeing 747 หนักกว่า 155 ตันได้จริงบนรันเวย์สนามบิน

และสุดท้ายในปี 2011 Touareg V6 TDI ยังสร้างสถิติโลกด้วยการขับจากปลายทวีปอเมริกาใต้ถึงอลาสการวมระยะทางกว่า 22,750 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 11 วัน 17 ชั่วโมง ตอกย้ำความแกร่งและความน่าเชื่อถือในทุกสภาพถนน

 

Touareg รุ่นที่สอง (2010–2018) เปิดตัวระบบ Hybrid เป็นครั้งแรกของ Volkswagen ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 พร้อมระบบอัดอากาศแบบซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังรวม 380 แรงม้าและเพิ่มชุดระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง

 

Touareg รุ่นที่สาม (2018–ปัจจุบัน) ปรับโครงสร้างตัวถังใหม่ผสมอะลูมิเนียม ลดน้ำหนักแต่เพิ่มความแข็งแรง พร้อม Digital cockpit เต็มรูปแบบและเทคโนโลยีช่วยทรงตัวแบบ Active Roll Control ที่ระบบประมวลผลทำงานด้วยความเร็ว 400 ครั้งต่อวินาที

ที่มา: Volkswagen