ทุกสิ่งของแบรนด์นี้เริ่มต้นที่ “เราทำในสิ่งที่เป็นไปได้เพราะเรามีขนาดเล็ก” และเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ทีละก้าว เพราะความเล็กนั้นเอง ที่ทำให้ Daihatsu สามารถแทรกซึมกับวิถีชีวิตได้หลากหลายรูปแบบ เพราะความเล็กนั้นเอง ที่ทำให้ Daihatsu อยู่ใกล้ชิดกับคนที่คุณรักมากขึ้น และเพราะความเล็กนั้นเอง ที่ทำให้ Daihatsu สามารถสนับสนุนความฝันอันยิ่งใหญ่ได้จากสิ่งเล็กๆที่อยู่ใกล้ตัว

นับตั้งแต่ปี 1907 Daihatsu อยู่เคียงข้างผู้คนมาโดยตลอด และได้สร้างสรรค์รถยนต์ที่เต็มไปด้วยความสุข ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณแห่ง “การประดิษฐ์” ไว้ในร่างกายขนาดกะทัดรัด แม้จะเคยพยายามทำสิ่งที่ดูเป็นไปไม่ได้ และผ่านความล้มเหลวมามากมาย แต่ Daihatsu ยังคงท้าทายตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกพูดว่า “น่าสนใจจัง!” และให้ลูกค้าพูดว่า “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ!” หรือ “คุณเข้าใจฉันจริง ๆ!”

การสร้างรถยนต์ที่ลูกค้ารักคือหัวใจของการสร้างสรรค์ยานยนต์ในแบบของ Daihatsu วันนี้ Daihatsu ได้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของแบรนด์อีกครั้ง และตระหนักถึงคุณค่านั้นอย่างลึกซึ้ง จึงตั้งชื่อให้กับแนวคิดแห่งการคิดค้นในแบบของเรา ว่า “Daihatsu Mei” หรือ จิตวิญญาณแห่งการประดิษฐ์ที่แท้จริงในแบบฉบับ Daihatsu

“Daihatsu Mei” เป็นแนวความคิดที่พัฒนาต่อยอดมาจากการที่ Daihatsu เป็นรถขนาดเล็กที่ทำอะไรได้หลากหลาย ทั้งเพื่อการโดยสาร การขนส่งมวลชนในพื้นที่จำกัด การขนส่งเพื่อการพาณิชย์ อย่างที่บ้านเราคุ้นเคยกับรถ 2 แถวขนาดเล็ก ที่ลัดเลาะไปตามซอกซอยนั่นเอง และยังรวมไปถึงรถสปอร์ตขนาดเล็กที่สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ขับขี่ โดยไม่จำเป็นจะต้องมีขุมพลังที่ทรงพลังแต่อย่างใด


K-OPEN

ในปี 2002 Daihatsu ได้เปิดตัวรถสปอร์ตเปิดประทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยก้าวข้ามขีดจำกัดของรถยนต์ขนาดเล็กอย่างสิ้นเชิง รถคันนั้นคือ “Copen รุ่นแรก” ผลงานแห่งความท้าทายจาก Daihatsu ที่ต้องการสร้างรถยนต์ขนาดเล็กที่มอบความสนุกและอิสระในการขับขี่ได้ไม่ต่างจากรถสปอร์ตขนาดใหญ่ Copen ได้รับการออกแบบโดยใช้พื้นฐานจากเครื่องยนต์ 4 สูบและระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วของ Daihatsu แต่ถูกพัฒนาให้กะทัดรัดและลงตัวภายในโครงสร้างขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม

สิ่งที่ทำให้ Copen โดดเด่นอย่างแท้จริงคือ หลังคาแบบ “Active Top” ที่เปิด-ปิดอัตโนมัติและสามารถพับเก็บได้อย่างลงตัวภายในตัวถังขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายในยุคนั้น รถคันนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์รับลมไปตามถนนหนทางให้กับผู้ขับในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องมีรถสปอร์ตขนาดใหญ่หรือราคาแพง Copen จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสนุกที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

ดีไซน์ภายนอกของ Copen ผสมผสานระหว่างความน่ารักและความกล้าหาญได้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความสปอร์ตและพลัง ผู้คนหลากหลายวัยต่างหลงใหลในเสน่ห์ของมัน มีแม้กระทั่งบางคนที่กล่าวว่า “ฉันสอบใบขับขี่เพราะอยากขับ Copen!” คำพูดนั้นสะท้อนถึงพลังแห่งแรงบันดาลใจที่รถคันนี้ส่งมอบให้

Copen ยังได้คว้ารางวัล Good Design Gold Award ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่าทางการออกแบบและแนวคิดที่แตกต่าง Daihatsu ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์ขนาดเล็กก็สามารถสร้างความสุขและความภูมิใจได้ไม่แพ้รถหรูระดับพรีเมียม นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการยานยนต์ขนาดเล็กในญี่ปุ่น

 

ด้วยแนวคิด “รถสปอร์ตสำหรับทุกคน” Copen ได้ทำลายกำแพงระหว่างความฝันและความจริง มันไม่ใช่เพียงแค่ยานพาหนะ แต่เป็นเครื่องหมายของความหลงใหลและความกล้าที่จะท้าทายสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ รถคันนี้แสดงให้เห็นว่าความสุขจากการขับขี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดหรือราคา หากแต่ขึ้นอยู่กับหัวใจของผู้สร้างและผู้ขับขี่

แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี Copen ยังคงครองใจแฟนๆ มากมายทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสานระหว่างดีไซน์ ความสนุก และจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง มันจึงไม่ใช่แค่รถสปอร์ตขนาดเล็ก แต่เป็นตำนานที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของ Daihatsu อย่างสมบูรณ์แบบ

การกลับมาของรถสปอร์ตเปิดประทุน 2 ที่นั่งขนาดเล็ก Copen ที่ขยายขนาดตัวถังจนไม่ใช่รถเล็กอีกต่อไป แต่ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดรถเปิดประทุนวางเครื่องด้านหน้า ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังในนามว่า K-OPEN จะเข้ามาเปลี่ยนบทบาทของ Copen เดิม ให้มีพละกำลังมากขึ้น ความสนุกที่ใหญ่ขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นมิตรที่เข้าถึงง่ายเช่นเดิม


K-VISION

ต้นแบบรถ K-Car ประตูสไลด์ขุมพลัง Hybrid เจเนอเรชันใหม่สำหรับทุกคน ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DNGA เจเนอเรชั่นใหม่ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต ตัวรถติดตั้งระบบขับเคลื่อน “e-SMART HYBRID” รุ่นใหม่ ที่ได้รับการย่อขนาดให้กะทัดรัดและมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นใน Rocky HEV แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ขนาดเล็กที่ผสานคุณสมบัติของรถไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งความเงียบ นุ่มนวล แรงบิดทรงพลังจากมอเตอร์ขับเคลื่อน 100% ประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม และยังสามารถใช้งานได้แบบเดิมโดยไม่ต้องชาร์จไฟ

 

ระบบ “e-SMART HYBRID” ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับ K-Car โดยออกแบบให้มอเตอร์และเครื่องยนต์เชื่อมต่อกันโดยตรงผ่านเพลาขับเดียวกัน ขณะที่ชุดทรานส์แอกเซิล (Transaxle) รวมหน่วยควบคุมกำลัง (PCU) และชิ้นส่วนไฟฟ้า-เครื่องกลไว้ในโมดูลเดียว ทำให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาเหมาะสมกับรถมินิคาร์โดยเฉพาะ

  • ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% มอบการขับขี่ที่เงียบและทรงพลัง
  • ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงดีขึ้นกว่าเครื่องยนต์และเกียร์ CVT แบบเดิมกว่า 20%
  • มาพร้อมระบบจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์ภายนอก (External Power Supply) เพื่อความอุ่นใจในกรณีเกิดภัยพิบัติ โดยมีความจุพลังงานมากพอให้จ่ายไฟได้ต่อเนื่องราว 4 วัน

 

ภายในห้องโดยสารของ K-VISION ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ทันทีด้วย ค็อกพิทแบบอินทูทีฟ (Intuitive Cockpit) ที่จัดวางองค์ประกอบอย่างเรียบง่ายแต่ครบครัน พร้อมพื้นที่โดยสารกว้างขวางและประตูบานเลื่อนทั้งสองฝั่งที่เพิ่มความสะดวกในการเข้าออก เหมาะกับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางในเมือง

 

ด้วยเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดนี้ K-VISION จึงถูกวางให้เป็น “มินิคาร์ยุคถัดไปของทุกคน” ที่ผสมผสานความประหยัด ความสะดวกสบาย และพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าไว้อย่างลงตัว — ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Daihatsu ในการสร้างรถยนต์ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตยานยนต์ไฟฟ้า


KAYOIBAKO-K

KAYOIBAKO-K คือรถเพื่อการพาณิชย์รุ่นใหม่พิกัด K-Car ที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับวิถีการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คนในชุมชน โดยมุ่งสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนกับรถในรูปแบบใหม่ ยานยนต์รุ่นนี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับงานขนส่งระยะสุดท้าย หรือ Last-mile delivery รวมถึงภารกิจหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คนในท้องถิ่น

 

แนวคิดหลักของ KAYOIBAKO-K คือ “ความยืดหยุ่นในการใช้งาน” ที่ช่วยเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับรถของตนเอง จากเครื่องมือเพียงอย่างหนึ่ง ให้กลายเป็นคู่หูที่ตอบโจทย์วิถีการทำงานยุคใหม่ รถคันนี้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ในการขนส่งสินค้า บริการเคลื่อนที่ หรือภารกิจสนับสนุนชุมชน

 

ด้วยขนาดตัวถังระดับ K-Car KAYOIBAKO-K สามารถขับขี่ได้ง่ายและปลอดภัยสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องใช้งานในพื้นที่แคบในเมือง รถรุ่นนี้จึงเปิดโอกาสให้คนทำงานเข้าถึงยานพาหนะเพื่อประกอบอาชีพได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิด “รถพาณิชย์เพื่อทุกคน”

อีกหนึ่งจุดเด่นของ KAYOIBAKO-K คือระบบเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละคนได้อย่างยืดหยุ่น ระบบนี้ยังสนับสนุนบริการจัดสรรและเรียกรถอัตโนมัติ (automated dispatch and return) ทำให้สามารถใช้รถได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่จัดการตลอดเวลา

 

นอกจากงานขนส่งพัสดุขนาดเล็กแล้ว KAYOIBAKO-K ยังถูกออกแบบให้รองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เพื่อให้ผู้ขับสามารถทำงานหลายบทบาทในชุมชนได้ เช่น การดูแลผู้สูงอายุ การให้บริการเชิงสังคม หรือภารกิจสนับสนุนงานท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดการสร้าง “รถที่มีคุณค่าต่อสังคม” ตลอดจนรถเพื่อการท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้ง

 

ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความยืดหยุ่นในการใช้งานและขนาดที่กะทัดรัด Honda KAYOIBAKO-K จึงถือเป็นรถพาณิชย์ยุคใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงผู้คนและชุมชนอย่างแท้จริง มันไม่เพียงตอบโจทย์เศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังสะท้อนวิสัยทัศน์ของ Daihatsu ในการสร้างยานยนต์ที่ “อยู่เคียงข้างผู้คนในทุกเส้นทางของชีวิต”


Midget-X

Daihatsu Midget รุ่นแรก เปิดตัวในปี 1957 ท่ามกลางยุคเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น และได้รับฉายาว่าเป็น “ยักษ์น้อย” ที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งชีวิตประจำวันและการทำงานของผู้คน เปิดมาเป็นรถสามล้อขนาดน่ารัก ที่สามารถวิ่งผ่านตรอกซอกซอยแคบ ๆ ได้อย่างคล่องตัว จนได้รับสมญาว่า “เฮลิคอปเตอร์แห่งเมือง” จากผู้ใช้ในยุคนั้น ในเวลานั้น Daihatsu ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและรับฟังเสียงจากผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงคนขับรถส่งของ เพื่อสะท้อนปัญหาที่แท้จริงของพวกเขามาใช้ในการออกแบบ ทำให้รถรุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง

 

กลยุทธ์การตลาดของ Daihatsu ก็ถือว่าล้ำสมัยในยุคนั้นเช่นเดียวกัน บริษัทใช้การโฆษณาทางโทรทัศน์แบบถ่ายทอดสด และจัดสัมมนาการขายทั่วประเทศ เพื่อแนะนำความสามารถของ Midget ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงด้วยแนวคิด “ส่งถึงมือคือหัวใจสำคัญของการค้า” ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณพ่อค้าชาว Osaka ที่ได้ถูกหลอมรวมไว้ในรถคันนี้อย่างชัดเจน

 

ดีไซน์ภายนอกของ Midget มีเสน่ห์เฉพาะตัว ขนาดกะทัดรัดแต่น่ารัก และการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ทำให้มันกลายเป็นรถที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แม้เวลาจะผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษ ความน่ารักและความอเนกประสงค์ของมันยังคงดึงดูดใจแฟน ๆ อยู่เสมอ ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และแนวคิด “เล็กแต่ยิ่งใหญ่” ที่แฝงอยู่ในทุกองค์ประกอบ รถรุ่นนี้จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในตำนานของ Daihatsu ที่ยังคงอยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง และได้กลายเป็นจิตวิญญาณของ Daihatsu Midget ที่ยังคงเปล่งประกายมาจนถึงวันนี้