Nissan เปิดฉากงาน Japan Mobility Show 2025 ด้วยการเผยโฉมรถรุ่นใหม่สุดพิเศษ 3 รุ่น นำทัพโดย All-new Elgrand เจเนอเรชันที่ 4 พร้อมพา SUV สายลุยระดับตำนานอย่าง Patrol กลับมาบุกญี่ปุ่น และ Ariya รุ่นปรับโฉมใหม่ โดยทั้งหมดได้สะท้อนแนวทางที่ Nissan ใช้ขับเคลื่อนยุคใหม่ของแบรนด์ภายใต้แผนกลยุทธ์ Re:Nissan เพื่อพลิกโฉมตลาดญี่ปุ่นและสร้างการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน
ภายใต้แผน Re:Nissan บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างแรงบันดาลใจผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยีอัจฉริยะและประสบการณ์การขับขี่ที่มีเอกลักษณ์ สำหรับตลาดญี่ปุ่น แนวทางนี้หมายถึงการฟื้นฟูรถรุ่นหลัก แล้วจึงค่อยนำไปสู่การขยายตลาดกลุ่มใหม่ และการสร้างรถ Core model ของแบรนด์ ที่เชื่อมโยงความรู้สึกของลูกค้าเข้ากับจิตวิญญาณของ Nissan อย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการรักษาความยิ่งใหญ่แบบเดิมไว้ ขณะเดียวกันก็ก้าวสู่ยุคแห่งนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคต
All-new Elgrand เจเนอเรชั่นที่ 4 (E53) – ความหรูหราสำหรับครอบครัวยุคใหม่
นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1997 Elgrand คือผู้บุกเบิกตลาดมินิแวนหรูของญี่ปุ่น ด้วยชื่อเสียงด้านความกว้างขวาง ความหรูหรา และความนุ่มนวลในการขับขี่ เจเนอเรชันที่ 4 รุ่นใหม่นี้พัฒนาไปอีกขั้นด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า e-POWER เจเนอเรชันที่ 3 และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า e-4ORCE รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อมอบการทรงตัวและความเงียบที่เหนือระดับ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับ ProPILOT และ ProPILOT 2.0 ที่รองรับการขับขี่แบบ Hands-free บนทางหลวง และช่วยลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางระยะไกล คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนปี 2026
ภายนอกของ Elgrand ใหม่โดดเด่นด้วยแนวทาง “Timeless Japanese Futurism” ที่ผสานความประณีตแบบญี่ปุ่นเข้ากับเทคโนโลยีร่วมสมัย กระจังหน้าลวดลาย Kumiko ถูกออกแบบให้ต่อเนื่องกับไฟหน้าอย่างลงตัว พร้อมสีตัวถังใหม่อย่างสีน้ำตาล “Fuji Dawn” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากแสงแรกเหนือภูเขาไฟฟูจิ และ “Shigoku” สีแดงม่วงเข้มที่สื่อถึงความสง่างาม ภายในห้องโดยสารให้บรรยากาศเหมือนเลานจ์ส่วนตัว ตกแต่งด้วยหนัง TailorFit™ ลายไม้ และลวดลาย Kumiko ที่แผงประตู เบาะแถวที่สองแบบกัปตันซีท Zero Gravity และหน้าจอคู่ขนาด 14.3 นิ้ว ช่วยยกระดับประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมระบบเสียง Bose® 22 ลำโพง และไฟ Ambient 64 สี
คุณสมบัติเด่นของ All-new Elgrand (E53)
- ดีไซน์ภายนอกออกแบบตามคอนเซปต์ “The Private MAGLEV (Linear Motor Car)” สื่อถึงความรวดเร็ว นุ่มนวล และเงียบในสไตล์ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Kumiko ลวดลายละเอียดและลายเส้นด้านข้างสื่อถึง “ma” (space) และ “sei” (precision) ของงานฝีมือญี่ปุ่น ล้อแม็กลายพิเศษเสริมความประณีต
- ห้องโดยสารระดับเลานจ์ส่วนตัว ปรับตำแหน่งติดตั้งเบาะนั่งให้สูงขึ้น มาพร้อมมุมมองโปร่งโล่งสบายยิ่งขึ้น เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและลายไม้ TailorFit™ พร้อมลวดลาย Kumiko บนแผงประตู มาพร้อมหน้าจอคู่ขนาด 14.3 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงจาก BOSE® จำนวน 22 ลำโพง สร้างบรรยากาศหรูหราเสมือนโรงภาพยนตร์ เสริมบรรยากาศด้วยไฟ Ambient light ปรับได้สูงสุด 64 สี ครอบคลุมตั้งแต่แผงหน้าปัดถึงประตู
- พลังขับเคลื่อน e-POWER เจเนอเรชัน 3 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส ZR15DDTe ใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดของค่าย ทำให้มีประสิทธิภาพทางความร้อนสูงสุดถึง 42% พร้อมชุด 5-in-1 e-POWER ที่รวมมอเตอร์ เจนเนอเรเตอร์ อินเวอร์เตอร์ รีดิวเซอร์ และชุดเกียร์เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ให้สมรรถนะเงียบและประหยัดน้ำมันสู
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ e-4ORCE พัฒนาใหม่ สามารถควบคุมแรงบิดล้อทั้ง 4 ข้างได้อย่างสมดุล ลดอาการส่ายตัวขณะออกตัว/เร่ง/เบรก และปรับแรงบิดล้อหลังในโค้งเพื่อการขับขี่มั่นคง
- Intelligent Dynamic Suspension ที่สามารถปรับค่าการหน่วงแต่ละล้ออัตโนมัติตามสถานการณ์การขับ พร้อม 6 โหมดขับขี่ปรับ e-POWER, e-4ORCE และช่วงล่าง เพื่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพสูงสุด

Patrol
นอกจาก Elgrand แล้ว Nissan ยังเตรียมนำ Patrol SUV รุ่นเรือธงกลับมาทำตลาดญี่ปุ่นในปี 2027 หลังห่างหายไปกว่า 18 ปีนับจากรุ่น Safari รุ่นสุดท้าย การกลับมาครั้งนี้ตอกย้ำจุดยืนของ Nissan ในฐานะผู้นำแห่งรถ SUV สมรรถนะสูงที่ผสานความแกร่ง ความหรูหรา และเทคโนโลยีขั้นสูงไว้ด้วยกัน Patrol พร้อมตอบสนองทุกสภาพถนนและความต้องการของผู้ขับขี่ที่หลงใหลการผจญภัย ทั้งบนทางออฟโรดและการเดินทางในเมือง
Ariya รุ่น Minorchange
ในขณะเดียวกัน Nissan ได้เปิดตัว Ariya EV รุ่นปรับโฉมใหม่ เตรียมเปิดตัวในญี่ปุ่นภายในปี 2025 นี้ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ปรับให้เรียบหรูยิ่งขึ้น ระบบ Infotainment ขับเคลื่อนด้วย Google ฟังก์ชัน Vehicle-to-Load (V2L) และช่วงล่างที่พัฒนาใหม่เพื่อความสบายสูงสุด ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อ สะดวกสบาย และสนุกสนานตามวิสัยทัศน์ Intelligent Mobility ของ Nissan พร้อมสนับสนุนความยั่งยืนด้วยการจัดการพลังงานและลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหลัก เพื่อความยั่งยืนที่ดีกว่า
ที่มา: Nissan
