HEADLIGHTMAG Presents : XCITE The XFORCE 15 – 16 พฤศจิกายน 2025
วัน – เวลาที่จัดกิจกรรม : 15 – 16 พฤศจิกายน 2025 08.30-17.00 น.
สถานที่จัดงาน : Motorsport Park Suvarnabhumi

กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมที่เราจะพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปลงสนามทดลองขับรถยนต์ กับกิจกรรม HEADLIGHTMAG Presents : XCITE The XFORCE สำหรับการทดลองขับ Mitsubishi XForce HEV รถยนต์พิกัด B-Crossover ขุมพลัง Hybrid และมาพร้อมกับระบบการทำงาน ฟังก์ชั่นการแสดงผลข้อมูลการขับขี่ที่หลากหลาย ตลอดจนโหมดการขับขี่ (Driving Mode) ที่มีให้เลือกถึง 7 รูปแบบ สำหรับการขับขี่บนถนนราดยาง และการขับขี่แบบออฟโร๊ด ซึ่งได้แก่
- Normal Mode สำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- Tarmac Mode ระบบ AYC ทำงานเข้ามาช่วยมากขึ้น พวงมาลัยน้ำหนักหนืดขึ้น เพื่อความแม่นยำในการบังคับควบคุมรถ คันเร่งตอบสนองไวขึ้น สร้างความกระฉับเฉงของอัตราเร่ง และระบบเกียร์จะเปลี่ยนเป็น B ให้อัตโนมัติ เพิ่มแรงหน่วง ช่วยชะลอความเร็ว ขณะถอนเท้าออกจากคันเร่ง
- Wet Mode สำหรับการขับขี่บนพื้นเปียกลื่น คันเร่งตอบสนองช้าลง ระบบ Traction Control และ AYC ทำงานไวขึ้น ป้องกันรถไถลออกนอกโค้ง
- Mud Mode สำหรับขับขี่บนพื้นโคลน ตัดการทำงานของระบบ AYC และสั่ง Traction Control ให้ทำงานช้าลง เพื่อสร้างความต่อเนื่องของการถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดหล่มโคลน
- Gravel Mode สำหรับการขับขี่บนพื้นกรวดหรือทางลูกรัง การเซ็ตค่าต่างๆ จะคล้าย Mud Mode แต่เปิดการทำงานระบบ AYC และปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้หนืดขึ้นอีกนิด เพื่อลดอาการสั่นคลอนจากพื้นผิวขรุขระ
- EV โหมดการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
- EV Charge โหมดชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ติดเกือบตลอดเวลา ยกเว้นช่วงชะลอความเร็ว และเมื่อแบตเตอรี่ขึ้นไปถึง 5 ขีด หรือราว 80%
ทั้งนี้ หากท่านผู้อ่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของตัวรถและการทดลองขับ Mitsubishi XForce สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมในบทความ First Impression ที่พี่คิว QXCLOFT ได้เคยเขียนเรียบเรียงไว้โดยละเอียดแล้วผ่านลิ้งก์นี้ (Click Here)

อนึ่ง การเข้าร่วมทดสอบครั้งนี้ ท่านผู้อ่านจะได้ประสบการณ์การทดสอบที่เหนือกว่าการไปทดลองขับ Test Drive ที่ศูนย์บริการ เนื่องจากท่านผู้อ่านจะได้ทดสอบโหมดการขับขี่อย่างครบถ้วน ทั้งโหมดการขับขี่สำหรับขับบนถนนลาดยาง และถนนอ๊อพโร๊ด
อันที่จริงทางทีมงานของ Headlightmag.com อยากให้ทุกท่านที่ได้มาร่วมกิจกรรมที่สนาม แต่ทว่าด้วยข้อจำกัดในด้านเวลา สถานที่ และรถทดสอบ เราจึงสามารถรับท่านผู้อ่านจำนวนจำกัด โดยท่านที่พลาดกิจกรรมครั้งนี้ ก็ยังคงสามารถติดตามบรรยากาศกิจกรรมผ่านบทความนี้ หรือคลิปวิดีโอของ Headlightmag.com และโปรดติดตามกิจกรรมทดลองขับที่เราจะได้จัดในครั้งต่อไป เพราะเราจะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง โอกาสของท่านที่จะได้สัมผัสการทดสอบสมรรถนะของรถยังคงมีอยู่

กิจกรรมนี้ จัดในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ และแบ่งรอบเป็น 2 รอบ เช้าและบ่าย เริ่มลงทะเบียนกันตั้งแต่ 8:00 น. ที่โต๊ะลงทะเบียน และเรามีของแจกให้กับผู้เข้าร่วมทุกท่าน บางท่านถึงกับเดินทางข้ามจังหวัดออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เพื่อมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งทางทีมงานรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจัดงานให้กับผู้อ่านทุกท่าน พอลงชื่อลงทะเบียนแล้วผู้เข้าร่วมกิจกรรมก็รับถุงของที่ระลึกจาก Mitsubishi ที่ประกอบไปด้วยหมวก Mitsubishi คูปองอาหาร และคูปองเครื่องดื่ม
หลังจากที่ลงทะเบียนเสร็จ เราก็พาท่านไปในห้องบรรยายของสนาม เพื่อที่จะอธิบายถึงกิจกรรม การทดสอบในแต่ละโซนการทดสอบ และข้อพึงกระทำในการขับขี่รถในสนาม โดยพี่มิส สุรมิส รวมไปถึงการแนะนำตัวรถ Mitsubishi XForce HEV โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Mitsubishi


เมื่อเสร็จสิ้นการบรรยาย เราก็พาท่านมาเตรียมพร้อมที่จะทดลองขับ XForce HEV โดยเราจะแบ่งผู้เข้าร่วมเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ตามตัวอักษร A B และ C ระหว่างการรอคิว เราก็จะมี XForce HEV คันสีขาวจอดอยู่ในจุดนั่งรอการทดสอบ สำหรับผู้ที่ต้องการดูรถคันจริงอย่างใกล้ชิด และเปิดโอกาสให้ทดสอบเครื่องเสียง Yamaha ของ XForce รุ่นท็อปสุด Ultimate X และเนื่องจากรถที่เอามาทดสอบจำนวนมาก โดยคละรุ่นย่อยที่นำมาทดสอบ ทำให้ผู้ที่ต้องการเปรียบเทียบเครื่องเสียงในแต่ละรุ่นย่อยสามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญจาก Mitsubishi เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของMitsubishi XForce แบบ Exclusive ที่ตัวรถอีกด้วย
สำหรับรูปแบบการทดสอบในครั้งนี้ สนาม Motor Speed Park Suvarnabhumi จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ฐาน ได้แก่
- ฐานที่ 1: Safety DIAMOND SENSE
- ฐานที่ 2: Handling/Suspension/Performance
- ฐานที่ 3: AYC/Adventure


เริ่มต้นกันที่ ฐานที่ 1: Safety DIAMOND SENSE ตั้งอยู่ที่บริเวณใกล้ Pit ของสนามแข่ง เป็นฐานที่ใช้สำหรับการทดสอบระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ADAS ของ XForce ที่จะทำงานโดยใช้กล้องที่ติดตั้งที่กระจกบังลมหน้า เซ็นเซอร์รอบคัน เรดาร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในโซนนี้จะมีการทดสอบระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ที่จะปรับความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพจราจร ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการสาธิตการทำงานของระบบนี้ โดยการเปิดระบบดังกล่าว ให้ XForce เร่งและชะลอความเร็วตามรถคันหน้าสุดของ Instructor โดยอัตโนมัติ โดยจะมีการจำลองการชะลอความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งเสมือนการขับขี่ในเมือง ตลอดจนการสาธิตกดปุ่มที่พวงมาลัยหรือการเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถออกตัวตามรถคันข้างหน้าต่อไป เมื่อรถเตือนว่ารถคันข้างหน้าได้มีการเคลื่อนที่ (ระบบ Leading Car Departure)
ต่อมา ทีม Instructor ก็พาผู้เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบระบบเตือนข้างหลังเมื่อเอารถออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert เตือนเมื่อมีรถยนต์แล่นผ่านเข้ามาทางท้ายรถขณะถอดออกจากช่องจอด ก่อนที่จะไปทดสอบระบบการเตือน Blindspot Monitoring ทั้งฝั่งซ้ายขวา ซึ่งนอกจากจะมีการเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตาแล้ว ยังมีเสียงและข้อความเตือนที่หน้าจอมาตรวัดในกรณีที่ผู้ขับขี่เปิดไฟเลี้ยวเพื่อเคลื่อนตัวไปยังช่องจราจรที่มีรถอยู่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคุณผู้อ่าน Mitsubishi XForce มีระบบความปลอดภัย ADAS มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น (IGNITE)





ต่อมา ฐานที่ 2: Handling/Suspension/Performance ตั้งอยู่ที่บริเวณสนามแข่ง สำหรับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ อัตราเร่งของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของขุมพลังHEV รุ่นใหม่ ของ Mitsubishi XForce HEV ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาจากระบบของ XPander Cross HEV โดยจะมีการบูสท์อัตราเร่งให้ดีขึ้นในทุกย่านความเร็ว และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในย่านความเร็วเดินทาง หรือ Cruising speed นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยการทดสอบการเข้าโค้ง Handling ตลอดจนการทดสอบความแตกต่างของการตอบสนองของตัวรถในโหมดการขับขี่ Normal Tarmac และ WET
การทดสอบในฐานที่ 2 เริ่มที่การเหยียบคันเร่งออกตัวและวิ่งเข้าโค้งในสนามด้วยโหมด Normal Mode ก่อนที่ในรอบถัดมา Instructor จะเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็นโหมดTarmac ที่ทำงานร่วมกับระบบ Active Yaw Control ที่จะปรับพวงมาลัยน้ำหนักหนืดขึ้น เพื่อความแม่นยำในการบังคับควบคุมรถ คันเร่งตอบสนองไวขึ้น สร้างความกระฉับเฉงของอัตราเร่ง และระบบเกียร์จะเปลี่ยนเป็น B ให้อัตโนมัติ เพิ่มแรงหน่วง ช่วยชะลอความเร็ว ขณะถอนเท้าออกจากคันเร่ง
หลังจากที่ทดสอบด้วยการวิ่งในสนามแล้ว ก็จะขับวนเข้าไปใน Skid plate ที่มีพื้นผิวลื่น และมีการฉีดน้ำลงบนพื้นผิว เพื่อสาธิตการทำงานของระบบ Active Yaw Control ในโหมดการขับขี่ WET mode และ Tramac Mode โดย Instructor จะให้เหยียบคันเร่งลึกพอสมควร พร้อมให้ผู้ขับหักพวงมาลัยเพื่อให้รถแล่นเป็นวงกลมบนพื้นผิวลื่น ซึ่งระบบ Active Yaw Control จะเข้ามาช่วยการยึดเกาะและลดการไถลออกของหน้ารถ (Understeer)



ท้ายที่สุดคือฐานที่ 3: AYC/Adventure ตั้งอยู่ที่บริเวณลานดินของสนามสำหรับการทดสอบการขับขี่แบบออฟโร๊ด เพื่อทดสอบระบบการช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะของ XForce ที่ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อหน้า FWD สามารถลุยได้เกินหน้าเกินตารถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อรุ่นปกติ
เมื่อออกรถมาแล้ว พี่ Instructor ก็จะให้ผู้อ่านปรับโหมดการขับขี่เป็นโหมด MUD เพื่อให้ระบบ AYC ทำงาน แล้วจึงแล่นตรงไปยังบ่อโคลนตรงหน้า และค่อย ๆ เลี้ยงคันเร่งนำรถลงบ่อโคลน เพียงแค่เลี้ยงคันเร่งเบาๆ XForce ก็สามารถผ่านไปได้อย่าง่ายดาย แม้ว่าท่านผู้อ่านบางท่านจะลองจอดรถเมื่อรถอยู่ในหลุมโคลนเพื่อจำลองการออกตัวเมื่อล้อติดอยู่ในหลุมก็ตาม แต่ตัวรถก็สามารถขับขึ้นมาได้เช่นกัน
จากนั้นขับต่อไปยังเนินเอียง เพื่อทดสอบการไต่พื้นผิวเอียงไม่ต่ำว่า 20 องศา ซึ่งจะมีการแสดงผลองศาการเอียงผ่านหน้าจอกลางของตัวรถ แล้วจึงวนขึ้นไปยังเนินชัน โดยขับไปจอดกลางชันก่อนเหยียบคันเร่งเพื่อทดสอบการออกตัวบนทางลาดชัน HSA เมื่อจอดอยู่บนเนิน และออกตัวรถจะเหยียบเบรกคาเอาไว้สักครู่ เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลลงเนินอมื่คนขับเคลื่อนเท้าขยับจากเบรกเพื่อไปเหยียบคันเร่ง

นอกจากการทดสอบหลัก ๆ ทั้ง 3 ฐานแล้ว ยังมีการเปิดโอกาสทุกท่านให้ร่วมสนุกกับฐาน Reverse Cana ซึ่งเป็นการทดสอบการใช้งานระบบกล้องมองภาพรอบคัน (MAM) และเซ็นเซอร์กะระยะรอบคันรวม 8 ตำแหน่ง ตลอดจนระบบตรวจจับวัตถุ (MOD) เพื่อบังคับควบคุมหักหลบอุปสรรคสิ่งกีดขวางสุดท้าทาย ก่อนนำรถเข้าช่องจอดที่จัดเตรียมเอาไว้ และเพื่อชูโรงระบบดังกล่าว โดย Mitsubishi X-Force คันที่ใช้ในฐานนี้ ได้มีการติดตั้งกระดาษทึบที่กระจกหน้าต่างบานประตูทั้งสี่และกระจกหน้าต่างบานหลัง ทำให้ผู้ทดสอบจะต้องกะระยะเพื่อนำรถเข้าช่องจอดโดยการมองภาพจากกล้องรอบคันและเซ็นเซอร์กะระยะรอบคัน ตลอดจนระบบตรวจจับวัตถุ เท่านั้น
ท่านผู้อ่านที่สามารถทำเวลาได้รวดเร็วที่สุดจะได้รับรางวัลเป็น XForce Box Set จาก Mitsubishi สำหรับกิจกรรมรอบเช้าของวันเสาร์ เริ่มนำร่องสาธิตกิจกรรมโดยพี่คิว QXCLOFT และต่อด้วยพี่จิมมี่ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยให้กับการแข่งขันนี้ และพอวันถัดมาพี่คิว QXCLOFT ได้สาธิตด้วยลีลาสุดเซียน หลังจากได้สาธิตมาหลายรอบ ใช้เวลาเพียง 15 วินาที ก็สามารถนำรถเข้าจอดได้อย่างเรียบร้อย
จากนั้นผู้ท่านผู้อ่านและผู้เข้าร่วมกิจกรรม ก็ได้รวมสนุกกันต่อเพื่อชิงรางวัล ซึ่งแม้ว่าทัศนวิสัยด้านข้างและด้านหลังจะมีความจำกัด แต่ทว่าท่านผู้อ่านทุกท่านก็สามารถนำรถเข้าจอดในช่องจอดได้เรียบร้อย ซึ่งก็เป็นอานิสงค์ของกล้องมองภาพรอบคันที่ถูกตั้งค่าให้แสดงภาพอย่างชัดเจนสมจริงจนทำให้สามารถกะระยะในการถอยจอดได้อย่างแม่นยำ หลังจากที่ทุกท่านผู้อ่านได้ร่วมกิจกรรมชิงรางวัลแล้ว เราก็ได้ผู้ชนะในแต่ละรอบรางวัล โดยเวลาที่เร็วที่สุดในงานนี้คือ 13.1 วินาทีเท่านั้น


นอกจากนี้ ท่านที่ติดตามรายการ Drive by J!MMY ของเราก็น่าจะทราบแล้วว่า ในวันเสาร์ที่ 15 เรามีการไลฟ์นอกสถานที่ จากในงานกิจกรรมนี้ด้วย และท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ได้โอกาสพิเศษในการถามคำถามเกี่ยวกับรถยนต์กับทีมงาน Headlightmag โดยตรง และสำหรับคำถามเกี่ยวกับ Mitsubishi XForce และบริษัท Mitsubishi จะมีความพิเศษตรงที่ผู้ตอบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้องของ Mitsubishi โดยตรง



ท้ายที่สุด ผู้โชคดีที่ได้รับการจับฉลาก จะได้รับโอกาสนั่งรถไปกับพี่ J!MMY กิจกรรมในส่วนนี้เพื่อเป็นการดึงเอาประสิทธิภาพของรถ XForce นี้ออกมาอย่างเต็มที่ แสดงให้กับผู้ร่วมงานทั้งหมดได้เห็น


สุดท้าย ทางเราอยากจะขอขอบคุณท่านที่มาร่วมงานทุกท่าน รวมไปถึงท่านที่อาจจะพลาดโอกาสแต่ก็มีความสนใจสมัครเข้ามา เราขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่า ในอนาคตอันใกล้ จะมีกิจกรรมในลักษณะคล้ายกันนี้ มาให้ท่านได้เข้าร่วมกันอีกอย่างแน่นอน
แล้วพบกันครับ
สำหรับลิงก์รูปภาพสามารถคลิ๊กได้ที่นี่
วันที่ 15 รอบเช้า คลิกที่นี่
วันที่ 15 รอบบ่าย คลิกที่นี่
วันที่ 16 รอบเช้า คลิกที่นี่
วันที่ 16 รอบบ่าย คลิกที่นี่
