Nissan Rogue Plug-in Hybrid มาตามนัดหลังจากปล่อยทีเซอร์ให้แฟนๆ คาดเดาไปก่อนหน้ากับรถ SUV ภาคต่อในเวอร์ชั่น Plug-in hybrid แต่ทว่า รูปทรงกลับดูไม่ใช่ Nissan ซะทีเดียว เพราะเป็นการนำเอา Mitsubishi Outlander PHEV ที่ทำตลาดอยู่แล้วในตลาดอเมริกาเหนือมาปรับแต่งหน้าตา เพื่อให้เป็นทางเลือกขุมพลัง PHEV รุ่นแรกของแบรนด์ Nissan ในสหรัฐฯ โดยเตรียมเปิดตัวต่อสาธารณชนที่งาน Los Angeles Auto Show ระหว่างวันที่ 21-30 พฤศจิกายน 2025 นี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายในรุ่น SL และ Platinum ช่วงต้นปี 2026

 

ภายนอกดีไซน์ทรงพลัง มีไฟหน้า LED ล้ำสมัย ล้อขนาด 20 นิ้ว และการตกแต่งดวยทริมสีดำเงาให้ความรู้สึกสปอร์ตแบบพรีเมียม ภายในตกแต่งด้วยวัสดุนุ่มสัมผัสและแผงคอนโซลตกแต่งโลหะแบบพรีเมียม โดยรุ่น Platinum มาพร้อมเบาะหนัง หลังคากระจก Panoramic roof ระบบอุ่นเบาะแถวหน้าและหลัง

 

ห้องโดยสารมาพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อทันสมัย เช่น หน้าจอกลางสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto แบบเชื่อมต่อสาย หน้าจอเรือนไมล์ Full DIgital ขนาด 12.3 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และในรุ่น Platinum จะเพิ่มหน้าจอ Head-Up Display ขนาด 10 นิ้ว รวมถึงระบบเครื่องเสียงจาก Bose 9 ลำโพง พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงช่องจ่ายไฟขนาด 120 V จำนวน 2 ตำแหน่ง

 

ฟังก์ชันการใช้งานเหมาะสำหรับครอบครัว ด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ที่นั่ง (ที่อาจเป็นแบบ 5+2 เสียมากกว่า) โดยเบาะแถวที่สองสามารถเลื่อนและพับเพื่อเข้าถึงแถวสามได้ง่าย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่ปรับเปลี่ยนได้ โดยรองรับความจุสูงสุดถึง 1,833 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวสองและสาม

 

ระบบขับเคลื่อนแบบ PHEV ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 20 kWh และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ให้กำลังรวมสูงสุด 248 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะเป็นมาตรฐาน ยกชุดมาจาก Outlander PHEV ซึ่งสามารถทำงานประสานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทั้งความประหยัดและสมรรถนะที่ตอบสนองต่อการใช้งานจริง Rogue Plug-in Hybrid รองรับการชาร์จแบบ Level 2 โดยใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 7.5 ชั่วโมง 

 

โหมดการขับขี่เลือกได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ EV Save และ Charge พร้อมระบบเบรกแบบ Regenerative เลือกได้สองระดับ รวมถึงฟังก์ชันขับขี่แบบ one-pedal e-Step ทั้งนี้ยังมีโหมดการขับขี่เฉพาะทางถึง 7 รูปแบบ เช่น Tarmac Gravel และ Snow เป็นต้น (แค่ชื่อก็สัมผัสได้ถึงความเป็น Mitsubishi แล้ว) สำหรับสภาพถนนและการผจญภัยที่หลากหลาย ซึ่งรุ่นนี้มีอัตราประหยัดเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน EPA ที่ 64 MPGe และ 26 mpg เมื่อใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก

 

ในด้านความปลอดภัย Rogue Plug-in Hybrid มาพร้อมถุงลมนิรภัย 11 ตำแหน่ง และระบบ Nissan Safety Shield 360 ครบชุด รวมถึงระบบ ProPILOT Assist ที่ช่วยควบคุมพวงมาลัย เบรก และอัตราเร่งในการขับขี่

 

อย่างไรก็ตาม Nissan Rogue รุ่นมาตรฐาน (หรือ X-Trail) รุ่นปี 2026 ยังคงวางจำหน่ายตามเดิม และมีให้เลือกหลายรุ่นย่อยมากกว่า S SV Rock Creek Dark Armor SL และ Platinum โดยยังคงมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าและ 4 ล้อ ในทุกรุ่น ยกเว้น Rock Creek และ Platinum ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ที่มา: Nissan US