สำหรับตลาดประเทศไทยที่กำลังดุเดือดด้วย B-Segment ตัวถัง Hatchback ขุมพลังไฟฟ้าล้วนจากจีน จนทำให้บรรดาคู่แข่งจากแดนอาทิตย์อุทัยแข่งขันกันได้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะกับ Mazda 2 ที่ทำตลาดมาอย่างยาวนานเกิน 10 ปีมาแล้วทั่วโลก แต่ทาง Mazda ก็ยังไม่ถอดใจ โดยเริ่มต้นด้วยการปรับอุปกรณ์มาตรฐานในตลาดบ้านเกิด เน้นการตกแต่งที่สะท้อนตัวตนของคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่แคร์เรื่องอายุตลาดของตัวรถมากนัก

 

ย้อนไปเมื่อปี 2014 ที่ทาง Mazda ได้เปิดตัว Mazda 2 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 จนได้รับการปรับโฉมใหญ่จำนวน 2 ครั้ง ในปี 2019 และ 2023 ที่ผ่านมา พร้อมกับการปรับอุปกรณ์มาตลอดระยะเวลาการทำตลาด โดยเฉพาะตลาดบ้านเกิดที่ยังคงขายไปได้เรื่อยๆ

 

และก็มาถึงการปรับอุปกรณ์ครั้งล่าสุดสำหรับ Model Year 2026 ที่เน้นการเพิ่มออฟชั่นในทุกรุ่นให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยเริ่มต้นด้วยเบาะหลังที่พับได้แบบอัตราส่วน 60/40 พร้อมกระจกประตูบานหลังแบบ privacy glass ตั้งแต่รุ่น 15C II

 

รุ่นถัดมาเป็น 15 BD i Selection II ได้รับการอัปเกรดด้วยแพ็กเกจ Mazda Connect ที่มาพร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมชุดระบบความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Package (กล้องรอบคัน เซนเซอร์จอดด้านหน้า และกระจกตัดแสงอัตโนมัติ) รวมถึงเครื่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล (ท่านอ่านไม่ผิด) ขณะที่รุ่น 15 Sport II เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งและพวงมาลัยอุ่นได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันเบาะผู้โดยสารถอดหมุนได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว

 

ไฮไลต์ของไลน์อัปยังคงเป็นรุ่น 15MB (Motorsports-Based) ที่มาพร้อมสเปคแบบเรียบง่ายเพื่อรองรับการนำไปปรับแต่งสำหรับการแข่งขันในสนามรูปแบบ One Make Race เป็นต้น พร้อมเครื่องยนต์ปรับจูนกำลังเพิ่มเล็กน้อยและเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะให้เลือก โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อน 

 

Mazda ยังเตรียมชุดตกแต่งเสริมให้ลูกค้าได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นธีม Rookie Drive Clap Pop และ Sci-Fi ที่เพิ่มรายละเอียดสีสันภายนอก สำหรับผู้ที่ต้องการความสปอร์ตมากขึ้น ยังมีชุดแต่งจาก AutoExe ประกอบด้วยดิฟฟิวเซอร์ที่กันชนหลัง สเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลัง ช่องรีดอากาศที่กันชนหลัง ชุดสปริงโหลดเตี้ยและปลายท่อไอเสียโครเมียม

ด้านขุมพลังยังคงเดิม ใช้เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้พละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า หรือเพิ่มเป็น 114 แรงม้าในรุ่น 15MB ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เป็นมาตรฐาน และมีพร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อหน้าและ 4 ล้อ โดย Mazda เริ่มเปิดรับจองแล้วในญี่ปุ่นก่อนวางจำหน่ายจริงช่วงต้นเดือนธันวาคม 2025 นี้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,720,400 เยน ประมาณ 356,432 บาท สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงสุดที่ 2,501,400 เยน ประมาณ 518,239 บาท ในรุ่น 15 Sport+ 4WD 

ที่มา: Mazda , Carscoops