Ford ออสเตรเลียอัพเดตครั้งใหญ่ให้กับ Ranger และ Everest รุ่นปี 2026.5 เพื่อตอบรับการแข่งขันที่ร้อนแรงขึ้น หลังจากคู่แข่งอย่าง Toyota Hilux Trevo และ Nissan Navara โฉมใหม่ (ที่เป้นการนำ Triton มาแปลงหน้าสำหรับตลาดออสเตรเลียเท่านั้น) ได้เปิดตัวตามมาติดๆ การปรับโฉมครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการปรับเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานและรายละเอียดรุ่นย่อยตกแต่งใหม่ พร้อมสีตัวถังใหม่ในบางรุ่นย่อย แต่ยังคงโครงสร้างและดีไซน์โดยรวมเหมือนเดิม โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือการยุติการทำตลาดของเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-turbo ที่เป็นขุมพลังยอดนิยมในหลายตลาดทั่วโลก หลังจากได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงลบ ด้านความทนทานและการบำรุงรักษา
Ranger Wolftrak สีเทา Command grey
Ford Ranger รุ่นปัจจุบันเปิดตัวเมื่อปี 2021 ตามมาด้วย Everest ในช่วงต้นปี 2022 จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปีของอายุตลาด จึงต้องทำการปรับปรุงรับน้องใหม่กันก่อนที่จะเข้าสู่รอบการปรับโฉมใหญ่ Minorchange ถึงแม้ Ford จะยังไม่ได้เปลี่ยนดีไซน์หลักของตัวถัง แต่ได้ปรับรายละเอียดบริเวณชิ้นส่วนตกแต่งตัวถังให้แตกต่าง เช่น การใช้วัสดุสีดำเงาแทนวัสดุโครเมียมในบางรุ่นย่อย พร้อมอัพเกรดระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์ภายในมากขึ้นสำหรับทุกรุ่นย่อย
Ranger Platinum สีเขียวใหม่ Acacia green
จุดเด่นสำคัญของรุ่นอัพเดตครั้งนี้ ได้แก่ Ranger Wolftrak รุ่นพิเศษที่เปิดตัวใหม่ มาพร้อมสีตัวถังเฉพาะ รุ่น สีเขียว Traction Green รวมถึงสีดำ Shadow Black และสีเทา Command Grey ตัวรถถูกตกแต่งด้วยรายละเอียดสีเหลือง Zest Yellow พร้อมล้ออัลลอยสีดำด้านขนาด 17 นิ้ว และโรลบาร์ดีไซน์ยกสูง เสริมภาพลักษณ์ความลุยและดุดันมากขึ้น
Ranger Black Edition สีดำ Shadow Black
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐาน Ranger รุ่นเริ่มต้น XL ได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มหน้าจอ Infotainment ขนาด 12 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาและชุดระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ส่วน XLT อัพเกรดช่วงล่างเป็นแบบ Heavy-Duty ขณะที่รุ่น XLS ได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง All-Terrain และบันไดข้างเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
Ranger Tremor สีเทา Command grey
ในส่วนของรุ่นท็อปอย่าง Wildtrak ได้เพิ่มไฟหน้า Matrix LED และชุดเครื่องเสียงจาก B&O 10 ลำโพงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขณะที่รุ่น Platinum มีสีตัวถังใหม่สีเขียว Acacia Green ให้เลือก ส่วน Raptor ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่เตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่อย่าง Ranger Super Duty เพื่อเน้นงานหนักมากขึ้น ที่เพิ่งจะเปิดให้สื่อมวลชนชาวไทยได้ทดสอบกันสดๆ ร้อนๆ ก่อนงานมหกรรม Motor Expo 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน นี้
Ranger Wildtrak สีส้มใหม่ Ignire Orange
Ford Ranger XLT สีเทา Meteor Grey
XL Super Cab Chassis สีขาว Arctic White
การเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านเครื่องยนต์คือการถอดขุมพลังดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร Bi-turbo เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ออก โดยคาดว่าเป็นผลจากมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่เครื่องยนต์ในรุ่นเริ่มต้นถูกแทนที่ด้วยดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จเจอร์เดี่ยว ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เปลี่ยนจากใช้สายพานมาเป็นโซ่ราวลิ้น ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 405 นิวตัน–เมตร ส่วนขุมพลังตัวท๊อปออฟชั่นเสริมสำหรับขาซิ่ง ยังคงมีเครื่องยนต์ดีเซล V6 ความจุ 3.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า และเครื่องเบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ของรุ่น Raptor ที่ยังทำกำลังได้สูงสุด 392 แรงม้าได้เหมือนเดิม
Everest Sport สีน้ำเงิน Blue Lightning
ขณะที่ฝั่ง Everest ก็ได้รับการอัพเดตเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีรุ่นย่อยน้อยกว่า โดยเริ่มตั้งแต่รุ่น Active Sport Tremor และ Platinum (ไม่มีรุ่น Wildtrak) โดยยกเลิกขุมพลังดีเซล Bi-turbo และแทนที่ด้วยดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จเจอร์เดี่ยวในรุ่นเริ่มต้น พร้อมปรับโครงสร้างรุ่นย่อยใหม่ โดย Everest Active กลายเป็นรุ่นเริ่มต้นแทนรุ่น Ambiente และ Trend เดิม พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่มากขึ้น เช่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ระบบจอ Infotainment ขนาด 12 นิ้ว และระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง TPMS
Everest Tremor สีเทา Command grey
Everest Platinum สีเขียว Acacia green
Everest Active สีเทา Meteor grey
Ford ได้ประกาศราคาจำหน่าย Ranger รุ่นปรับโฉมไว้ระหว่าง 37,130 – 90,690 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 779,983 – 1,905,110 บาท) ส่วน Everest เริ่มต้นที่ 58,990 ถึง 83,490 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1,239,193 – 1,753,861 บาท) โดยจะเปิดรับจองในเดือนธันวาคม 2025 นี้และมีกำหนดส่งมอบในช่วงกลางปี 2026
ที่มา: Carscoops
