GR GT3 ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของรถสปอร์ต GR GT โดยใช้หลักการ “ตัวถังศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา ความแข็งแรงสูง มาพร้อมประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์สมบูรณ์แบบ” แต่ถูกยกระดับเพื่อตอบโจทย์กฎ FIA คลาส GT3 ซึ่งเป็นสนามแข่งขันระดับโลกของรถโปรดักชันคาร์เวอร์ชั่นดัดแปลง เป้าหมายของ GR GT3 คือการสร้างรถแข่งที่ “ใครขับก็เร็วได้”
Toyota มองว่าจิตวิญญาณของรถแข่ง GT3 ต้องให้ความสำคัญกับนักแข่งหรือผู้ขับขี่เป็นอันดับแรก จึงพัฒนา GR GT3 ให้มีการควบคุมที่คาดเดาได้ง่ายในทุกสถานการณ์ ทั้งในโค้งความเร็วสูง การเบรกที่หนักหน่วง และการเร่งออกจากโค้งที่ว่องไว การปรับจูนระบบช่วงล่างและอากาศพลศาสตร์ถูกทดสอบโดยนักขับหลายประเภทเพื่อให้รถตอบสนองได้ดีทั้งในมือมืออาชีพและนักขับสมัครเล่น ซึ่งเป็นข้อแตกต่างสำคัญกับรถแข่งคลาสอื่น
อีกทั้ง Toyota Gazoo Racing ยังตั้งใจสร้างทีมงานสนับสนุนเต็มรูปแบบสำหรับทีมแข่งที่ซื้อ GR GT3 ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเทคนิค อะไหล่ การซ่อมบำรุง ตลอดจนทีมวิศวกรที่คอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในสนามแข่ง เป้าหมายคือทำให้ GR GT3 ไม่ใช่แค่รถแข่งที่เร็ว แต่เป็นรถแข่งที่จะมอบประสบการณ์การแข่งขันที่ดีที่สุดสำหรับทีมของลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการแข่งขัน GT3 ทั่วโลก
การพัฒนาทั้ง GR GT และ GR GT3 ใช้เทคโนโลยีใหม่รวมถึงกระบวนการพัฒนาที่คล้ายกับรถแข่งต้นแบบ เช่น การใช้ SImulator หรือเครื่องจำลองการขับขี่แบบ full-motion เพื่อปรับตั้งพฤติกรรมรถตั้งแต่ขั้นต้น ช่วยทีมงานประหยัดเวลา ลดต้นทุน และทำให้การปรับจูนแต่ละส่วนแม่นยำมากขึ้น ก่อนนำรถไปทดสอบจริงในสนาม การใช้งานหลักการแบบรถแข่งนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ GR GT และ GR GT3 มีบุคลิกที่คม เฉียบ และตอบสนองอย่างทันที
ทีมงานยังได้ทดสอบรถทั้งสองรุ่นในสนามหลากหลายระดับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Fuji Speedway Nürburgring และสนามทดสอบส่วนตัวของโตโยต้าที่ Shimoyama ประเทศญี่ปุ่น เพื่อทดสอบความทนทาน ประสิทธิภาพการระบายความร้อน ความสมดุลขณะเข้าโค้งซ้าย-ขวา การสึกหรอของยาง และสมรรถนะเมื่อใช้งานเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน นี่คือเหตุผลที่ GR GT3 ถูกคาดหวังว่าจะสามารถแข่งขันในรายการ endurance 24 ชั่วโมงได้อย่างไม่มีปัญหา
เครื่องยนต์เบนซิน V8 twin-turbo ที่ใช้ใน GR GT3 มีพื้นฐานเดียวกับใน GR GT แต่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสำหรับการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองรอบเครื่องที่ฉับไวยิ่งขึ้น ีะบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพไปอีกขั้น หรือวิธีการจัดการกับการทำงานของตัวรถเป็นเวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมงในสนาม endurance
ทั้ง GR GT และ GR GT3 จะถูกพัฒนาต่อไปจนถึงปี 2027 เพื่อให้พร้อมต่อการเปิดตัวจริงและเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ FIA GT3
ที่มา: Toyota
