เวลาผ่านไปกว่า 3 ปีหลังจาก Honda CR-V Generation ที่ 6 เปิดในตลาดโลกครั้งแรกที่อเมริกาในปี 2022 ในวันที่ 4 ธันวาคม 2025 Honda ก็ได้เปิดตัว CR-V เจเนอเรชันใหม่ในตลาดญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกที่งาน Japan Mobility Show 2025 โดยเปิดตัวในรูปแบบขุมพลัง e:HEV พร้อมกำหนดเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงต้นปี 2026 ถึงแม้จะล่าช้ากว่าตลาดหลักอื่น แต่เวอร์ชั่นญี่ปุ่นก็มาพร้อมรายละเอียดการตกแต่งเฉพาะตัวและชุดตกแต่งใหม่ที่ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้ SUV รุ่นนี้
รุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่นมีโครงสร้างไลน์อัพที่เรียบง่ายกว่าตลาดอื่น โดยมีเพียง 2 รุ่นย่อย เน้นทำตลาดแต่รุ่นออฟชั่นเต็ม ได้แก่ e:HEV RS และ e:HEV RS Black Edition ซึ่งแตกต่างจากตลาดสหรัฐฯ ที่มีตัวเลือกหลายรุ่นรวมถึงเวอร์ชันเน้นทางฝุ่นอย่าง TrailSport และประเทศไทยที่เพิ่งจะปรับทัพใหม่ไปหมาดๆ โดยเปลี่ยนไปใช้ขุมพลัง e:HEV ทั้งไลน์อัพตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น จุดเด่นของเวอร์ชั่นญี่ปุ่นคือการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ที่ให้ความพรีเมียมขึ้นอย่างชัดเจน
โดยรุ่นท็อป Black Edition แตกต่างด้วยชุดแต่งของดำ Crystal Black รอบตัวรถ (คล้ายกับรุ่น RS Model Year 2026 สำหรับตลาดประเทศไทย) ล้ออัลลอยแบบลดเสียงรบกวนขนาด 19 นิ้ว หลังคากระจก Panoramic roof และตราสัญลักษณ์ Black Edition ที่ด้านท้าย ภายในใช้โทสีนดำทั้งหมดพร้อมตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black ทำให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศเข้มขรึมและหรูหรามากขึ้น ขณะที่รุ่น RS ก็ยังคงให้ความพรีเมียมด้วยอุปกรณ์เต็มพิกัด
อุปกรณ์มาตรฐานของ e:HEV RS ประกอบด้วยหน้าจอ Infotainment ขนาด 9 นิ้ว มาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียง Bose 12 ลำโพง แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบ Hands-free เบาะนั่งมีฮีตเตอร์ และระบบความปลอดภัย Honda Sensing แบบพื้นฐาน

ส่วนรุ่น Black Edition เพิ่มระบบเป่าลมเย็นที่เบาะนั่ง หน้าจอ Head-up display และระบบ Honda Sensing 360 ที่อัปเกรดเซนเซอร์และระบบช่วยขับให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
CR-V เวอร์ชันญี่ปุ่นใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (มอเตอร์ขับเคลื่อน + มอเตอร์ Generator) กำลังสูงสุด 207 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ขับเคลื่อน 335 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ Real Time AWD with E-DPS รองรับนำ้มันเชื้อเพลิงสูงสุด E20
แม้จะมีเพียง 2 รุ่นย่อย แต่ Honda ก็เปิดโอกาสให้ลูกค้าปรับแต่งรถเพิ่มเติมด้วยชุดตกแต่งพิเศษ ได้แก่ “Tough Premium” สำหรับรุ่น Black Edition ซึ่งเพิ่มกันชนสี Luna Silver Metallic สเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลังสีดำ Crystal Black Pearl ส่วนลูกค้าที่เลือกรุ่น RS สามารถติดตั้งชุด “Urban Premium” ที่มาในโทนเข้มเพื่อเข้ากับชิ้นส่วนตัวถังเดิม โดยมีอุปกรณ์เสริมแท้เพิ่มเติมอีกหลายรายการเตรียมวางขายในอนาคต
Honda จะเปิดรับจอง CR-V รุ่นใหม่ในวันที่ 12 ธันวาคม 2025 นี้ โดยรุ่น e:HEV RS เริ่มต้นที่ 5,122,700 เยน (ประมาณ 1,052,288 บาท) และรุ่น Black Edition เริ่มต้นที่ 5,779,400 เยน (ประมาณ 1,187,185 บาท) ในญี่ปุ่นยังมีรุ่นพลังงานไฮโดรเจน CR-V e:FCEV จำหน่ายแบบจำนวนจำกัดในราคาเริ่มต้น 8,094,900 เยน (1,662,828 บาท) อีกด้วย
ที่มา: Honda
