วันที่ 10 ธันวาคม 2025 Opel / Vauxhall ได้เปิดตัว Astra Hatchback และ Sports Tourer หรือรถ Estate มาดสปอร์ต รุ่นปรับโฉมที่ได้รับการออกแบบชุดไฟหน้าใหม่ของชุดไฟหน้าในฐานะการอัปเดตช่วงกลางอายุตลาด ถึงแม้ว่า SUV จะครองแชมป์ยอดขายทั่วทั้งยุโรป แต่รถ Hatchback รุ่นคอมแพ็กต์ยังคงได้รับความนิยมอยู่บ้าง โดยเฉพาะกลุ่ม C-Segment ที่พอจะมีผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะกลุ่ม Stellantis ที่ Peugeot ได้ปรับโฉม 308 ไปก่อนหน้า ขณะที่ Opel Astra ซึ่งเป็นโมเดลพี่น้องร่วมงานวิศวกรรมพื้นฐานและคู่แข่งโดยตรงในพื้นที่ที่ VW Golf ครองหัวตารางมาอย่างยาวนาน

 

Astra เจเนอเรชันที่ 6 (รหัสตัวถัง L) เปิดตัวในปี 2021 เป็นการตัดขาดจากอดีตยุค GM อย่างเต็มตัว โดยเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรมของ Stellantis เป็นครั้งแรก หลังจากผ่านการทำตลาดไป 4 ปี ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะได้รับการปรับโฉมช่วงกลางอายุ เพื่อให้ยังคงอยู่ในใจผู้ซื้อ ท่ามกลางไลน์อัพ Opel SUV ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ 

เส้นสายตัวถังที่โดดเด่นแต่แรกเห็น โดยการเปลี่ยนแปลงเน้นที่ด้านหน้าเป็นหลัก กระจังหน้า Opel Vizor ประกอบด้วยไฟ LED ที่ขยายขนาดขึ้นล้อมกรอบด้วยตรา Opel Blitz แบบเรืองแสง แนวทางการออกแบบทั้งหมดนี้เรียกว่า “Opel Compass” ซึ่งจะถูกใช้ในโมเดลอื่น ๆ ของค่ายต่อไป

 

Astra ยังได้รับการติดตั้งกันชนหน้าแบบออกแบบใหม่ พร้อมแถบตกแต่งสีดำเงาระหว่างช่องดักลม แม้ด้านข้างและด้านท้ายจะยังคงเดิมเกือบทั้งหมด แต่ล้ออัลลอยขนาด 17 และ 18 นิ้วลายใหม่ก็ช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้กับภาพลักษณ์

 

นอกจากตัวถัง Hatchback 5 ประตูแบบดั้งเดิมแล้ว Opel / Vauxhall ยังนำการปรับโฉมนี้ไปใช้กับ Astra Sports Tourer ด้วย คู่แข่งในกลุ่มแวกอนคอมแพ็กต์ ได้แก่ Peugeot 308 SW Toyota Corolla Touring Sports Hyundai i30 Wagon VW Golf Variant Seat Leon ST และ Skoda Octavia Combi

 

ภายในห้องโดยสารแทบไม่เปลี่ยนแปลง แต่เบาะนั่งแบบ Intelli-Seats ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ซึ่งเดิมจำกัดอยู่ในเฉพาะรุ่นท็อป กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย และเพิ่มความสะดวกสบาย เบาะหุ้มด้วยวัสดุรีไซเคิลและสามารถรีไซเคิลได้ที่ชื่อ ReNewKnit พร้อมตัวเลือกระบบอุ่นได้หลายระดับ พร้อมฟังก์ชันนวดและระบบบันทึกตำแหน่ง เป็นออฟชั่นเสริม

ถึงแม้ Astra จะยังคงใช้หน้าจอคู่ขนาด 10 นิ้วเหมือนเดิม แต่ Opel / Vauxhall ระบุว่า Cockpit และระบบ Infotainment มีความชัดเจนและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

Opel ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของระบบขับเคลื่อน แต่คาดว่าจะใช้ชุดเดียวกันกับ Peugeot 308 รุ่นปรับโฉม ซึ่งประกอบด้วยขุมพลัง 4 รูปแบบ

  • เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร BlueHDi 129 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร พร้อมระบบ Mild Hybrid (MHEV) 143 แรงม้า จับคู่เกียร์ DCT 6 จังหวะ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยวิ่งในโหมด EV ได้ถึง 50% เมื่อขับในเมืองแบบการจราจรหนาแน่น
  • Plug-in Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.6 ลิตร กำลังรวมทั้งระบบ 192 แรงม้า แบตเตอรี่ความจุสูง 17.2 kWh วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ 85 กม.
  • BEV หรือ E-308 ติดตั้งมอเตอร์เดี่ยวที่ด้านหน้า ให้พละกำลังสูงสุด 154 แรงม้า แบตเตอรี่ความจุ 58.4 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 452 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) เพิ่มขึ้นจากเดิม 37 กม. รองรับการชาร์จเร็ว DC กำลังไฟสูงสุด 100 kW (20-80% ภายใน 32 นาที) และฟังก์ชัน V2L

ที่มา: Carscoops